มาแล้ว! ทนายตั้ม ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. จี้จัดการ บิ๊กต่อ ถ้าละอายแก่ใจต้องลาออก

25 มิ.ย. 67

 

มาแล้ว! ทนายตั้ม บุก ตร.หนังสือถึง ผบ.ตร. เร่งรัดดำเนินคดี บิ๊กต่อ กับภรรยา จี้ถ้าละอายแก่ใจต้องลาออก วอนนายกฯเปิดเผยผลสอบ อยากรู้ใครผิดใครถูก 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. 67 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมายื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้เร่งรัดดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และภรรยา 

โดยทนายตั้ม กล่าวว่า วันนี้ตนได้มายื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เรื่องที่ให้ติดตามคดีที่ตนได้แจ้งความไว้ที่ สน.เตาปูน ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยา พร้อมพวกในเรื่องการฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน เพราะคดีไม่มีความคืบหน้า ตนแจ้งความไว้หลายเดือนแล้ว แต่ปรากฏว่ายังไม่เรียกใครมาแจ้งข้อกล่าวหาเลย ทั้งที่เงินในบัญชีก็เห็นชัดเจนว่าโอนเข้าบัญชีทุกเดือน จึงมาหา ผบ.ตร. เพื่อให้ติดตามและเร่งรัดดำเนินคดี หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประวิงคดี ก็ขอให้ ผบ.ตร.ดำเนินการทางวินัยกับคนที่ช่วยเหลือคนที่จะมาเป็นผู้ต้องหา 

 นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

ส่วนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้กลับเข้ามาทำหน้าที่ ผบ.ตร. ตามเดิมนั้น ต้องถามนายกฯ ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพราะ ผบ.ตร.ถูกดำเนินคดีในเรื่องนี้ และเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่กลับไม่มีการทำอะไร และให้กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็อยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะกล้าดำเนินคดีกับ ผู้ผบ.ตร.และภรรยาหรือไม่ 

ทนายตั้ม กล่าวว่า ทั้งนี้ตนขอเรียกร้องรัฐบาล และนายกฯ เปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ ที่นายกฯ ขึ้นตั้งขึ้น เพราะประชาชนอยากรู้ว่าใช้เวลาทั้งหมด 3 เดือนในการตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าผลตรวจสอบเป็นอย่างไร ประชาชนไม่ได้ต้องการอยากรู้ว่าใครทะเลาะกับใคร หรือใครดีกับใคร เพราะเขารู้กันหมดแล้ว แต่ประชาชนต้องการรู้ว่าใครผิดหรือใครถูก ขอให้มีการเปิดเผยผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯด้วย 

สำหรับคดีที่ ตนแจ้งความไว้ที่ สน.เตาปูนนั้น ตอนนี้ไม่มีการทำอะไรเพิ่มเติม หลายเดือนที่ผ่านมา น่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาได้แล้ว แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งไม่รู้ว่าเกรงกลัวอะไรหรือไม่ เชื่อว่าพนักงานสอบสวนมีความเกรงกลัว เพราะผู้ถูกดำเนินคดี เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเส้นแน่นปึก เพราะถ้าไม่แน่นปึกก็คงกลับมาทำงานอย่างเท่ๆ ไม่ได้ ตนจึงต้องมาตามคดีและดูว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะทำงาน 

 นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

ทนายตั้ม กล่าวว่า ส่วนที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ บอกว่าหลักฐานของตนไม่แน่นพอนั้น คดีที่ทนายเดชาทำ ตนไม่เคยไปยุ่ง แบบนี้ไม่ควรมาบังคับกัน หลักฐานแน่นหรือไม่แน่นตนเป็นคนทำ ตนรู้ การที่เงินไปเข้าบัญชีภรรยาทุกเดือนนำไปสร้างบ้านทรงไทยราคาร้อยล้านอยู่ด้วยกัน สร้างรีสอร์ตซึ่งเป็นทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา เงินเอาไปทำบุญในชื่อของสามี ถามว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอต่อการทำคดีหรืออย่างไร เพราะถ้าเป็นชาวบ้านคนอื่น รับรองว่าไม่ต้องถึงขนาดนี้ แค่เส้นเงินไปแตะแค่ภรรยา ก็ถูกหมายจับทั้งครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้คดีนี้ยังไม่มีมีการเรียกใครไปแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เลย 

ยืนยันว่าสิ่งที่ตนดำเนินการตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพราะเรื่องนี้ตนเดินดำเนินการมาตลอด และตามเรื่องนี้มาตลอด อยากให้ประชาชนรู้ว่าไม่ได้ทำแล้วหาย ยังตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งตนก็ไม่ได้คุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่วนที่ พล.ต.อ.เอกสุรเชษฐ์เคลื่อนไหวต่อศาลอยู่ในขณะนี้ก็เป็นสิทธิ์ของเขา 

หลังจากนี้ตนจะเข้าไปถามตำรวจ สน.เตาปูนว่าดำเนินการคดีถึงไหนแล้ว ถ้าไม่ดำเนินการ ตนก็จะดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูนต่อไป อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยังละอายแก่ใจอยู่ก็ต้องลาออกจากการเป็น ผบ.ตร. ถ้าไม่มีการดำเนินคดี ตนก็จะตามต่อไป 

เมื่อถามถึงกรณีที่ทนายตั้มไปจอดรถ ตรงที่จอดรถประจำตำแหน่งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ด้านอาคารนั้น ทนายตั้ม กล่าวว่า “ช่องเขาว่างอยู่ ก็เลยไปจอด แต่ไม่ได้มีการประสานกัน หาที่จอดรถอยากจะตายใน ตร. ผมก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าขอจอดหน่อย มาหาสื่อแป๊บเดียว เขาก็ให้จอด”

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส