หนุ่มลักเสื้อผ้าในร้านซักหยอดเหรียญ อ้างอยากแต่งหล่อไปจีบสาว

7 ก.ค. 67

หนุ่มเพี้ยน! ลักเสื้อผ้าในร้านซักผ้าหยอดเหรียญ อ้างอยากแต่งหล่อไปจีบสาวที่กรุงเทพฯ

วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 เวลา 11.30 น.ร.ต.อ.ถิรโยธิน ทรัพย์สินธุ์ รองสวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ ภายในซอยสัมพันธมิตร ถนนประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี คนร้ายยังนั่งอยู่หน้าร้าน โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบนายวรรัตน์ ศรีตระกูลอายุ 36 ปี เจ้าของร้านชี้ผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าร้าน คือนายปรีชา หรือ โม อายุ 30 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ไม่สวมเสื้อ ได้ยกมือชู 2 นิ้ว เป็นคนเข้ามาลักเสื้อผ้า และน้ำยาซักผ้าของลูกค้าที่ซักผ้าเสร็จแล้ว พับอยู่ในตะกร้าบนชั้นวางของ โดยมีกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน ซึ่งภาพวงจรปิดระบุว่าเวลา 05.14 น.วันนี้นายโมสวมเสื้อยืดสีฟ้ากางเกงยีนขายาวรองเท้าผ้าใบน้ำเงินเข้าก่อเหตุ

1720339227900_1

1720335874545_1

สอบสวนนายปรีชาหรือโมซึ่งมีลักษณะสติไม่สมประกอบ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง พยายามตอบคำถามตำรวจ โดยเล่าว่า เป็นชาวจังหวัดขอนแก่น แต่มาอยู่กับแม่ที่จ.อุดรธานีต่อมาแม่เดินทางไปอยู่ประเทศเยอรมัน ตนจึงอยู่คนเดียว ได้มาเอาเสื้อผ้าที่อยู่ในร้านจริงแต่ไม่ทราบเอาเสื้อผ้าไปไว้ที่ไหน

สาเหตุที่เข้ามาเอาเสื้อผ้า เพราะอยากแต่งหล่อไปกรุงเทพฯ เพื่อไปหาจีบสาว แล้วก็กลับมาที่ร้านนี้อีก แต่พอตำรวจถามว่าเสื้อผ้าที่เอาไปอยู่ที่ไหน นายโม ก็ตอบไม่รู้เรื่อง หรือจำไม่ได้ ตำรวจจึงได้ให้นายโม ไปขึ้นรถตราโล่ แต่นายโมได้กางร่มบอกว่า กลัวร้อนแดดเดียวไม่หล่อ

1720339121985

นายวรรัตน์ เจ้าของร้านซักผ่าหยอดเหรียญ เล่าว่าตนเปิดร้านซักผ้าหยอดเหรียญ 3 ร้าน ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี แต่ที่ร้านนี้จะมีสิ่งของภายในร้านหายบ่อยมาก เมื่อเปิดกล้องวงจรปิดดูก็จะพบคนร้ายเป็นผู้ชายลักษณะเหมือนคนสติไม่ดี ตนยังไม่ได้ไปแจ้งความเช้าวันนี้ตนได้เปิดกล้องวงจรปิด ตรวจภาพย้อนหลังอีก ก็พบคนร้ายผู้ชายคนเดิมเข้ามาเปิดลักเสื้อผ้าของลูกค้า และน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มไป

1720339075621

"พอออกมาที่ร้านก็พบคนร้ายนั่งอยู่ในร้านแต่พอสอบถามกลับพูดไม่รู้เรื่องเหมือนคนสติไม่ดีจึงโทรแจ้งตำรวจไม่ได้ประสงค์จะดำเนินคดีแต่อยากให้นำตัวไปส่งญาติเพื่อนำไปบำบัดรักษาอย่าปล่อยให้มาเป็นปัญหาและเป็นภาระของสังคม”

ตำรวจสันนิษฐานว่านายปรีชาหรือโม อาจจะเสพยาเสพติดจนมีอาการทางจิตประสาท จึงนำตัวขึ้นรถไปโรงพักเพื่อตามหาญาติให้มารับตัวหรือนำตัวไปส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเพี้ยนต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส