ผอ.โรงเรียน แจงยิบ ปมข้าวบูด-ไม่พอกิน-อุปกรณ์การเรียนไม่พอ เตรียมเรียกผู้ปกครองเข้ามาประชุมชี้แจง คลายข้อความสงสัยทุกเรื่อง
จากกรณีที่มีผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดเทศบาลเมืองสระบุรี โพสต์ภาพลงโซเชียลมีเดีย และร้องกับทีมข่าวว่าลูกของตน และนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองสระบุรี อาหารกลางวันไม่พอรับประทาน และสื่อการเรียนไม่เพียงพอต่อนักเรียน พร้อมกับเรียกเก็บเงินประกันภัยฯ
ล่าสุดวันที่ 8 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ยังโรงเรียนเทศบาล 3 วัดบ้านอ้อย เพื่อขอคำชี้แจงจากผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าว พบว่าทางโรงเรียนผู้คณะบริหารโรงเรียน พร้อมดร.น้ำอ้อย มีสัตย์ธรรม ผอ.กองการสำนักการศึกษาเทศบาลเมืองสระบุรี ได้เข้าประชุมเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้ประชุมกันแล้วเสร็จ โดยได้ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง ทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับผอ.กองการสำนักการศึกษาได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้ขอให้ทางโรงเรียนชี้แจงกับกรณีที่เกิดขึ้น
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เข้าตรวจสอบภายในบริเวณโรงอาหาร พบว่าเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษากำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ ซึ่งในวันนี้เมนูอาหาร ประกอบด้วย ผัดแตงกวาใส่ไข่ ต้มไก่ใส่เห็ด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ของหวานจะเป็นเฉาก๊วยน้ำแดง ซึ่งเด็กๆ ก็รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย และเมื่อทานข้าวเสร็จมีอาหารเหลือเด็กจะนำมาเทที่กะละมั งและวางถาดหลุมไว้ เพื่อที่จะนำไปล้างซึ่ งจะเห็นว่าเด็กๆ ทานข้านเหลือกันเป็นจำนวนมาก
ด้าน น.ส.ศรุดา วงษ์มหิง รักษาการ ผอ.โรงเรียนเทศบาล 3 เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เรื่องอาหารไม่เพียงพอกับนักเรียนกิน ตนเองคิดว่าไม่น่าจะมีมูลความจริง เนื่องจากว่ามีมาตรการตลอดมา และมีครูที่รับผิดชอบดูแลอยู่ ซึ่งทางโรงเรียนก็มีนโยบาย “ไม่อิ่มเติมได้” คือสามารถเติมได้ตลอด จะมีครูดูแลอยู่ตลอดและจะมีเจ้าของโครงการที่รับผิดชอบคอยดูแลให้อยู่ ส่วนเรื่องเด็กนักเรียนที่ครูปล่อยช้าแล้วอาหารหมดนั้น ทางโรงเรียนก็เพิ่งรับทราบ แต่เราก็จะมีครูคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยทราบว่าเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ส่วนเรื่องอาหารที่ว่าบูดเสียนั้นทางโรงเรียนและทางเทศบาลจะลงพื้นที่ตรวจสอบตลอด
ส่วนเรื่องที่ว่ามีการนำอาหารเก่ามาปรุงใหม่ให้เด็กรับประทานนั้น รักษาการฯ กล่าวเสริมว่า ตรงนี้ต้องหาข้อมูลความจริง เพราะว่าโรงเรียนก็มีการตรวจรับ และครูจะคอยชิมอยู่ตลอด ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ส่วนสื่อการเรียนการสอนที่ว่าไม่เพียงพอนั้น ทางวัสดุอุปกรณ์ทางเราจัดซื้อให้อย่างเพียงพอ ซึ่งไม่น่าที่จะไม่เพียงพอ จะคอยมีครูตรวจเช็กอยู่ตลอด และมีการทยอยส่งหนังสือให้เด็กๆ อยู่เรื่อยๆ และมีการจัดซื้อให้อย่างเพียงพอในทุกปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องค่าอุปกรณ์การเรียนนั้นเป็นงบจากทางสำนักฯ ส่งให้มาทางโรงเรียน
ส่วนเรื่องการประกันภัยฯ ที่เรียกเก็บกับเด็กนักเรียนเป็นจำนวนเงิน 350 บาทนั้น เนื่องจากว่าประกันภัยฯเดิมนั้นมีเด็กเคลม 200% บริษัทเดิมไม่รับเคลมประกันเลย ซึ่งของเก่ายังคงคุhมครองได้ถึงเดือน มิ.ย. ทางโรงเรียนจึงได้เปลี่ยนบริษัทฯใหม่ แต่ก็ต้องมีการเช็กประวัติเก่าก่อนว่าต้องใช้เบี้ยประกันเท่าไร และต้องยืนยันว่าเบิกสิทธิ์รักษาเท่าไร ซึ่งถ้าวงเงินรักษา 8,000 บาท เบี้ยประกันก็จะเป็นเงิน 350 บาท ซึ่งตนเองมองดูว่าเด็ กและผู้ปกครองบางคนเงินก็ไม่ค่อยมีจึงได้ลดวงเงินประกันภัยฯลงมาเป็น 300 บาท สามารถเบิกสิทธิ์ได้ 6,000 บาท ซึ่งตนเองก็ได้ชี้แจงให้ผู้ปกครองเข้าใจแล้ว ทุกวันนี้ทางผู้ปกครองก็ยังไม่มีเงินจ่าย แต่ทางโรงเรียนก็ยังช่วยเหลือไปก่อน ซึ่งตอนนี้ทางประกันภัยฯก็เรียบร้อยแล้วคุ้มครองแล้ว
ด้าน น.ส.ศรุดา กล่าวเสริมว่า ต่อจากนี้ก็จะเรียกผู้ปกครองเด็กๆ เข้ามาประชุมชี้แจงเพื่อประชุมทำความเข้าใจถึงสาเหตุต่างๆ เพื่อคลายข้อความสงสัยในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น
