ตั้งกก.สอบเอาผิดวินัย-อาญา 3 ทหารแสบ รัวปืนใส่นักมวย เตรียมไปขอโทษถึงค่ายเร็วๆ นี้

11 ก.ค. 67

 

กองทัพภาคที่ 4 ตั้งกก.สอบ เอาผิดวินัย-อาญา 3 ทหารแสบ รัวปืนข่มขู่นักมวย ขณะวิ่งออกกำลังกายริมถนน เตรียมนำตัวไปขอโทษกลุ่มนักมวยถึงค่ายเร็วๆนี้ 

วันที่ 10 ก.ค. 67 พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์นักมวยค่ายดัง เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชว่า ถูกชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นทหาร 3 คน ชักปืนรัวยิง 20 นัด ข่มขู่นักมวย 5 คนในขณะวิ่งออกกำลังกาย ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันหลบหนีไปเหตุ 

เกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 16.30 น. บริเวณถนนเทิดพระเกียรติ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยจากการตรวจสอบที่บริเวณที่เกิดเหตุพบ กระสุนปืนคาดว่าเป็นกระสุนปืนแบลงค์กันขนาด 9 มม. ตกอยู่จำนวนมาก และมีกระสุนแบลงค์กันบางนัดที่ด้านยิงไม่ออกตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานตามที่ได้มีการเผยแพร่เหตุการณ์ทางสื่อสังคมออนไลน์ และสื่อต่างๆ อย่างกว้างขวางนั้น 

พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน และมอบหมายให้ พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการให้ พ.อ.นุกูล ดำสุวรรณ หัวหน้าชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้รายงานเหตุการณ์เบื้องต้นให้ทราบโดยด่วน 

พ.อ.วัชรกร เปิดเเผยว่า ภายหลังทราบเหตุ และแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งกำชับให้เร่งสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้กระทำผิดทั้ง 3นาย ประกอบด้วย ส.อ.วิรัตน์ (สงวนนามสกุล) พลทหารอภิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) และพลทหารสิทธิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) พลทหารผลัดที่ 1/67 ซึ่งทั้ง 3 นายเป็นทหารสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 105 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 

จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นปืนแบลงค์กัน หรือปืนจำลอง ซึ่งมีลักษณะรูปร่าง รวมทั้งเสียงคล้ายคลึงกับปืนจริง แต่จะไม่มีหัวกระสุน โดยได้ยึดอาวุธปืนแบลงค์กันกระบอกที่ใช้ก่อเหตุไว้เป็นหลักฐานด้วย 

จากการสอบสวนทหารทั้ง 3 นายให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุไปทดลองยิงปืนแบลงค์กันในจุดดังกล่าวจริง เนื่องจากพลทหารทั้ง 2 นาย มีความสนใจอยากได้ปืนแบลงค์กันของ ส.อ.วิรัตน์ จึงได้ติดต่อตกลงซื้อขายกัน และก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 ฝ่าย ได้นัดนำปืนไปยิง เพื่อทดสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ แต่เป็นช่วงเดียวกับที่มีกลุ่มนักมวยวิ่งออกกำลังกายผ่านพอดี จึงทำให้กลุ่มนักมวยเกิดการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการข่มขู่ 

ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 4 ต้องขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการเอาผิดทางวินัยทหารกับกำลังพลทั้ง 3 นาย ตามสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว ส่วนความผิดทางอาญาให้ทางตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมายขอยืนยันว่า ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดจะไม่มีการปกป้องผู้กระทำความผิด และขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

พ.อ.วัชรกร กล่าวอีกว่า ทางกรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 ในฐานะหน่วยบังคับบัญชาได้ติดต่อพูดคุย เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้เสียหายดังกล่าวแล้ว และยอมรับผิดในทุกกรณี พร้อมกันนี้จะอำนวยความสะดวกในทางคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อได้รับการประสานอย่างเต็มที่ ในเบื้องต้นจะนำตัวทหารทั้ง 3 นายไปพบกับผู้เสียหายที่ค่ายมวย เพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากทางตำรวจเรียกตัวไปพบเพื่อสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาก็จะนำไปมอบตัวกับตำรวจ เพื่อเข้าสู่กระบวนการ และขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส