ชี้ชะตา เศรษฐา ยังเสี่ยงสูง หลุดนายกฯ จับตา อุ๊งอิ๊งค์ - อนุทิน ขึ้นแทน

25 ก.ค. 67

อ.ยุทธพร เผยแนวทางชี้ชะตา เศรษฐา เชื่อยังเสี่ยงสูง หลุดนายกฯ จับตา อุ๊งอิ๊งค์ - อนุทิน ขึ้นแทน ส่วน ลุงป้อม ยังยาก 

วันที่ 25 ก.ค. 67 รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าววิเคราะห์ถึงกรณี ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย คดีนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนาย พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า 

เรื่องนี้นายเศรษฐายังมีความเสี่ยงอยู่ สิ่งที่น่าสนใจคือกระบวนการจัดลำดับชั้นของการพิจารณาคดี ทำไมจึงเริ่มต้นที่การพิจารณาของพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค. และต่อมากรณีนายเศรษฐาในวันที่ 14 ส.ค. ซึ่งอาจมีการเมืองซ่อนอยู่ในนั้น หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายเศรษฐาจะต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ และมีกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็ต้องเกิดขึ้น หากยังก้าวก่าย และมีชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นหากยุบพรรคก้าวไกล นายพิธาก็สิ้นสภาพความเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สส.พรรคก้าวไกลก็ลดลง อาจจะไม่ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งอีกต่อไป ซึ่งความชอบธรรมทางการเมืองก็ตกอยู่ที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทน  

ดังนั้นหากไทม์ไลน์ยังเป็นแบบนี้โอกาสที่นายเศรษฐยังอยู่ในความเสี่ยงก็เป็นไปได้ประกอบกับเหตุการณ์ที่นาย ทักษิณ ชินวัตร ไปพบกับนาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ที่เขาใหญ่ มีการกระบวนการในการไปพูดคุย หรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแ ละต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ 

ทั้งนี้ยังมีข้อสังเกตกรณีศาลรัฐธรรมนูญในการรับคดีนายเศรษฐา 6 ต่อ 3 และ สั่งให้หยุดไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ 5 ต่อ 4 ซึ่งสองมตินี้มีลักษณะก้ำกึ่งสามารถพลิกไปพลิกมาได้ 

ซึ่งในคดีนี้มองว่าข้อกฎหมายไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากนายเศรษฐาได้มีการสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่าสามารถแต่งตั้งนายพิชิตได้หรือไม่ แต่ปัญหาอยู่ที่มาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งค่อนข้างมีความเป็นนามธรรมสูงจะวินิจฉัยอย่างไรก็ได้ซึ่งสส.บางคน เจอเรื่องจริยธรรมทางการเมืองจนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตก็มีมาแล้ว 

อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ส่วนตัวมองว่านายเศรษฐารอด แต่ไม่เป็นเอกฉันท์ แต่หากไม่รอดแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยมีอยู่ 2 คนคือนาย ชัยเกษม นิติสิริ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่ง น.ส.แพทองธารมีโอกาสมากกว่า แต่จะเข้าสู่สนามทางการเมืองในตำแหน่งใหญ่ขนาดนี้หรือไม่ ถือเป็นการกำหนดบารมีของตระกูลชินวัตรด้วย ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องมีการประเมินกันอีกครั้ง หรืออาจจะนำไปสู่แคนดิเดตของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ จะต้องลุ้นอีกที 

ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องยาก เพราะวันนี้สิ่งที่นายทักษิณออกมาระบุว่าความวุ่นวายทั้งหมดนั้นเกิดจากคนที่บ้านอยู่ในป่าก็ชัดเจนแล้วและหลังจากนี้ต้องจับตาพรรคพลังประชารัฐว่าจะกลายเป็นหนึ่งพรรคสองระบบหรือไม่ โดยครึ่งหนึ่งอาจจะสนับสนุนรัฐบาล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ได้หรือไม่ยกมือให้รัฐบาล และอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องจับตาคือนายอนุทิน แคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทย หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ 

ทั้งนี้มองว่าหากนายเศรษฐาต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผลกระทบคือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และการจับขั้วรัฐบาลแบบเดิมจะยังคงอยู่หรือไม่ หรือจะมีการข้ามขั้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยน แต่คนที่ได้รับผลกระทบที่สุดคือประชาชน ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายเศรษฐกิจคือสิ่งที่เป็นผลกระทบที่หนักที่สุด และหากสถานการณ์การเมืองขาดเสถียรภาพจะยิ่งส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ 

อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้อาจอยู่ครบเทอมในแง่เสียง สส.ในสภาฯ แต่จะต้องประเมินอีกครั้ง หากทำงานครบ 2 ปี หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังคงเป็นแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวล

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส