กัญจนา ศิลปอาชา แม่พระผู้อุทิศแรงและกำลังทรัพย์ช่วยสัตว์ โดยเฉพาะช้าง

10 ต.ค. 67

หนูนา กัญจนา ศิลปอาชา ผู้หญิงที่ทุ่มแรงและเงินดูแลสัตว์สัตว์เล็กสัตว์น้อย โดยเฉพาะช้าง จนถูกเรียกขานว่าเป็นแม่พระคอยช่วยเหลือสัตว์

หากพูดถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือสัตว์เล็กสัตว์น้อย และโดยเฉพาะสัตว์ใหญ่อย่างช้าง ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทยมายาวนาน ชื่อของ หนูนา กัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี บรรหาร และ คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา ก็จะโผล่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในรายชื่อแม่พระของหมู่สัตว์อยู่เสมอ

160416

โดย หนูนา กัญจนา เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการเจาะใจ ถึงที่มาและแรงบันดาลใจในการดูแลสรรพสัตว์ (ออกอากาศเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2566)

เล่าว่าจุดเริ่มที่คือตอนที่ได้ดูลูกแพนด้าหลินปิง ซึ่งเป็นลูกของช่วงช่วงและหลินฮุย แพนด้าจากประเทศจีนที่ถูกส่งมาเป็นทูตอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ตอนนั้นตนเห่อมาก มีช่องทำไลฟ์ตลอด 24 ชั่วโมง จำได้ว่ากลับเข้าบ้านมาปุ๊บจะเปิดทีวีดูเปิดทีวีค้างไว้ตลอด ไม่ว่าเขาจะทำอะไร จะกิน นอน อึ เล่น แล้วเราก็จะดูปฏิกิริยาของแม่ลูกเขาจะมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร

"ความรักสัตว์มันอาจจะมีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความชัดเจนมันคือตอนที่ได้ดูหลินปิง ความรักที่มีมันไม่ใช่สักแต่ว่ารัก แต่รักแบบที่ต้องถามตัวเองด้วยว่าเราจะทำทำอะไรให้กับชีวิตที่เรารักเหล่านั้นได้บ้าง ให้เขาอยู่ดีมีสุข โดยเอาความสุขของเขาเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาความสุขของเรา เราไม่เคยดูชีวิตต่างๆ ว่าเขาน่ารัก น่าจะเอามาเลี้ยงดูเอง ไม่ใช่แบบนั้น ชีวิตเหล่านั้นจะมีความสุขก็ต่อเมื่อเขาได้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ ได้อยู่ในที่ที่เป็นธรรมชาติของเขา การช่วยสัตว์หลายครั้งต้องอาศัยความร่วมมือของภาครัฐ เช่น กรมอุทยาน กรมปศุสัตว์บ้าง ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้าไปช่วย แต่ดิฉันทำในนามส่วนตัว ไม่มีมูลนิธิ ทำในนาม กัญจนา มาตลอดก็เพราะรัก"

449697714_10225723804590350_2

ช่วยช้างมา 10 กว่าปี

หนูนา กัญจนา เล่าต่อว่า เคยได้ดูสารคดีหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีเกี่ยวกับการช่วยเหลือช้างของมูลนิธิหนึ่ง ตอนนั้นเลยเริ่มที่จะมาช่วยช้าง ถามว่าทำไมรักช้าง จริงๆ แล้วรักทุกสัตว์แต่ว่าบางสัตว์อาจไม่สนิทมาก เช่น งู ก็รักแต่ขอห่างๆ หน่อย เวลาจะช่วยเราจะรู้อยู่ว่าถ้าสำหรับภารกิจตรงนี้เราจะต้องไปขอที่ไหน ยกตัวอย่างตอนนั้นจะช่วยลูกช้างเชือกหนึ่งชื่อพ่อขุนเดชที่ขาติดบ่วงแร้วจนขาบวม ผิดรูปอันนี้ช่วยมานานแล้วค่ะ 10 กว่าปีแล้ว 

"ทำไมรักช้างมาก เพราะช้างเขาเหมือนคน เขาอยู่กันแบบครอบครัว ถ้าเป็นลูกตัวเมียก็จะอยู่กับแม่กับโขลงจนชั่วชีวิต ถ้าเป็นลูกตัวผู้ พอ 8-9 ขวบก็จะแยกโขลง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสืบพันธุ์ใกล้เคียง แล้วช้างเขามีการสืบทอดความรู้ความจำ มีอายุยืนยาวเท่าคน เพราะฉะนั้นเวลาเกิดทุกข์ยากอะไรกับเขามันก็จะอยู่ยาวนาน แก้ไขยาก เป็นปัญหาใหญ่ แล้วก็มีไปช่วยไถ่ช้างที่ถูกใช้งานจนแก่ชราด้วย ซึ่งใช้เงินจำนวนมากเหมือนกัน แล้วให้เขาได้ไปอยู่ในที่ที่ไม่ต้องทำงานอีก เพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างอิสระ"

ย้อนกลับไปในช่วงกลางปี พ.ศ.2566 เกิดเรื่องสะเทือนใจคนรักช้างเป็นอย่างมาก เมื่อปรากฎภาพพลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยที่ถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีอยู่ที่ประเทศศรีลังกา นานถึง 22 ปีก่อน ร่างกายทรุดโทรม ไร้การดูแลอย่างที่ควรจะเป็น จนเกิดการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำเรื่องขอพลายศักดิ์สุรินทร์กลับประเทศไทย

ครั้งนั้น หนูนา กัญจนา ศิลปอาชา ถือเป็นอีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังการนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับไทย โดยเจ้าตัวได้เดินทางไปดูแลการขนย้ายด้วยตัวเองร่วมกับทีมสัตวแพทย์และควาญช้างจากสุรินทร์ พร้อมระบุว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยให้ได้ 

ก่อนที่ 2 กรกฎาคม 2566 พลายศักดิ์สุรินทร์เดินทางมาถึงประเทศไทย โดยเครื่องบินลำเลียงลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ และนำพลายศักดิ์สุรินทร์ไปดูแลรักษาอาการป่วยที่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ในวันเดียวกัน โดยทางหนูนา กัญจนา ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมและอัพเดตความคืบหน้าสุขภาพของพลายศักดิ์สุรินทร์ อยู่เสมอ

 

549518
พลายศักดิ์สุรินทร์

 บริจาค 1 ล้าน ไถ่ตัวพังดัมมี่

หนูนา กัญจนา ยังเคยสละเงินส่วนตัว บริจาคเงิน 1 ล้านบาท เพื่อไถ่พังดัมมี่ ช้างขี้บ่นแสนรู้ที่เป็นไวรัลจากคลิปนั่งอยู่ริมทะเลภูเก็ต ที่ถูกขายไปเป็นช้างแท็กซี่ในปางที่หาดใหญ่ ก่อนจะได้ย้ายบ้านไปเป็นสาวเหนืออยู่ที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง 

ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นธุระช่วยจัดหาที่อยู่ให้ช้างได้อยู่ในที่ๆ เหมาะสม รวมถึงยังคอยช่วยบริจาคและจัดซื้อเครื่องมือช่วยรักษาสัตว์ให้กับโรงพยาบาลสัตว์อยู่บ่อยครั้ง  รวมถึงเปิดศูนย์ดูแลน้องหมาจรที่เจ้าตัวได้จัดทำศูนย์พักพิงให้อยู่อาศัยให้กับสุนัขจร อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี เบื้องต้นมีอยู่ 2 ที่ คือที่อำเภอเมืองและอำเภออู่ทอง

461162683_10226470076486681_7

กระทั่งล่าสุดกับเหตุการณ์ต้องไปรับช้างป่าและลูกช้างกำพร้าที่ฝากเลี้ยงไว้ที่ศูนย์บริบาลช้าง Elephant Nature Park ใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ เล็ก แสงเดือน ชัยเลิศ กลับมาดูแลเอง หลังเกิดความไม่ลงรอยในความสัมพันธ์ที่มีทีท่าส่อแววมาตั้งแต่เกิดดรามาน้ำท่วมปางช้างเชียงใหม่

โดยเจ้าตัวได้เล่าที่มาของช้างทั้งสองเชือกที่เคยช่วยเหลือไว้ พร้อมขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยดูแลให้ 

"ว่าด้วยช้าง 2 เชือกที่เกี่ยวพันกับดิฉันที่อยู่ที่ปางคุณเล็ก
เชือกแรกขุนเดช น้องเป็นช้างป่าที่ถูกบ่วงแร้วนายพรานรัดข้อจนเป็นแผลใหญ่บวม ทำให้เดินไม่ปกติ ดิฉันไปเจอน้องเมื่อปี 2557 ที่ส่วนสัตว์ป่า ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน น้องถูกเลี้ยงอยู่เชือกเดียวน่าสงสารมาก

ช่วงนั้นเป็นปีแรกที่ดิฉันได้รู้จักคุณเล็ก และชื่นชมคุณเล็กมาก ดิฉันวิ่งเต้นทำเรื่องขออธิบดีอุทยานพาขุนเดชไปอยู่ที่ปางคุณเล็กจนสำเร็จ ตอนที่แรกเจอขุนเดช อายุประมาณ 4 ขวบตอนนี้น้องก็คง 14 แล้ว

เชือกที่ 2 ดอกแก้ว ดิฉันเจอดอกแก้วที่โรงพยาบาลช้างคชบาล ลำปาง น้องมากับแม่ แม่น้องป่วยหนักคือเหมือนมดลูกหลุดจากช่องคลอดมาครึ่งหนึ่ง ถ้าดิฉันจำไม่ผิดดอกแก้วตอนนั้นอายุสองเดือนคลอเคลียอยู่กับแม่ตลอด ดิฉันพูดกับแม่โม่ดิพอ แม่ของดอกแก้วว่าอยู่กับลูกนะอย่าทิ้งลูกไป

พอดีฉันกลับจากลำปางได้สามวันหมอก็โทรมาแจ้งว่าแม่ล้มแล้ว ดิฉันสงสารดอกแก้วมากกลัวเจ้าของจะเอาไปขายที่ไม่เหมาะสมจึงขอซื้อมาตอนนั้นราคา 850,000 (ถ้าตอนนี้คงเป็นล้าน)

ช่วงปีแรกทางคชบาลเลี้ยงน้องหาแม่รับคือแม่สิงขรให้ แต่ภายหลังมีข่าวว่าแม่สิงขรอาจจะท้องและคงไม่เหมาะจะเลี้ยงลูกรับ ดิฉันจึงประสานขอคุณเล็กรับดอกแก้วไปเลี้ยงให้ด้วย ซึ่งเธอก็ยินดี

ดิฉันต้องขอบคุณคุณเล็กมากที่ตลอดเวลาได้เลี้ยงดูขุนเดชและดอกแก้วให้ แต่ดิฉันก็ไม่ได้ไปฝากเฉยๆ ในช่วงปีแรกที่ดิฉันไปหาคุณเล็กบ่อยๆนั้น ดิฉันได้สนับสนุนคุณเล็กอย่างที่ในชีวิต แม้จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่เคยให้ใครเท่านี้มาก่อนเพราะรักคุณเล็กมาก

ดิฉันต้องขอบคุณเล็กอีกครั้ง สำหรับการดูแลขุนเดชและดอกแก้ว คุณเล็กให้ไปรับโดยเร็ว ดิฉันกำลังจะไปรับทั้งคู่มานะคะ ต้องเข้าใจด้วยนะคะว่าทุกอย่างที่ดิฉันทำเพื่อช้าง ไม่มีธุรกิจใดเกี่ยวกับช้าง ไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ ไม่เคยได้เงินจากช้างเลยค่ะ เกิดแต่รักล้วนๆ"

โดยมีผู้ติดตามในเฟซบุ๊ก คนรักช้าง เข้าไปให้กำลังเป็นจำนวนมาก

s__6389763
ซ้าย ขุนเดช / ขวา ดอกแก้ว 

ด้วยความรักในสัตว์ทุกชนิดที่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ หนูนา กัญจนา ยอมรับว่าเคยให้น้องชาย วราวุธ ศิลปอาชา รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อครั้งอยู่ในสมัยรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ปี 2562) เพื่อที่เธอจะได้มีหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนสัตว์ได้ง่ายกว่าทำด้วยตัวคนเดียว และผลงานเด่นที่ประจักษ์ชัดของเธอก็คือการนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับเมืองไทย ในสมัยที่น้องชายดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่นั่นเอง

บทสัมภาษณ์จากรายการ เจาะใจ , ภาพจาก : NuNa Silpa-archa

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม