ผบ.ตร. คาดผู้เสียหายดิไอคอนวันนี้ทะลุ 1,300 ราย ขออย่ามองดีเอสไอแย่งงานตร.

17 ต.ค. 67

ผบ.ตร.ขอสังคมอย่ามองดีเอสไอ แย่งงานตร. คดี “ดิไอคอน” สั่งสอบภาพตร.ใส่เครื่องแบบไปเป็นโค้ช หากผิดลงโทษทั้งวินัย-อาญา

วันที่ 18 ตุลาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี 18 ผู้ต้องหา ของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด หลังควบคุมตัวได้ทั้งหมด 18 รายแล้ว ว่า การขยายผลความผิด และเครือข่ายผู้ต้องหาเป็นเรื่องที่ตำรวจชุดสืบสวนและสอบสวน จะต้องดำเนินการต่อตามขั้นตอน

รวมไปถึงการเก็บรวบรวมพฤติการณ์การกระทำความผิด เส้นทางการเงินบัญชีของตัวผู้ต้องหาและรอบด้านที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งหมด ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับตัวผู้ต้องหาที่ทำการจับกุมมาก่อนหน้า ว่าจะให้ความร่วมมือต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากน้อยเพียงใด แต่ถึงแม้จะไม่มีการให้การที่เป็นประโยชน์เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องทำงานต่อให้ได้

1729142522343

ส่วนการจะส่งต่อคดีนี้ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทราบมาว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาแล้ว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตำรวจได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับดีเอสไอ เพื่อพิจารณาเงื่อนไขของคดี จำนวนผู้เสียหาย จำนวนทรัพย์สิน ฐานความผิด เพื่อให้การส่งมอบเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่ได้ทำการส่งมอบ พนักงานสอบสวนเองจะทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลให้ถึงที่สุดก่อน การที่วานนี้(16ต.ค.67)ดีเอสไอ มีการตั้งคณะทำงานพิจารณา ตนเองเชื่อว่าเป็นการเตรียมที่จะพิจารณาว่าเรื่องนี้เข้ากับอำนาจหน้าที่หรือไม่

ทั้งนี้ไม่อยากให้สังคมมองว่า เกิดการแย่งงานระหว่างหน่วยงาน เพราะแต่ละหน่วยงานต่างมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดูแลที่แตกต่างกัน ยอมรับว่ารู้สึกดีที่แต่ละองค์กรที่มีหน้าที่ได้เข้ามาช่วยกันพิจารณาเพราะสะท้อนว่าหน่วยงานราชการเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ถูกกระทำเป็นวงกว้าง หากแต่ละหน่วยงานนิ่งเฉยสิ่งนี้จะเป็นเรื่องไม่น่าสบายใจ

ซึ่งหากคดีอยู่ในความดูแลของดีเอสไอ และมีการร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนับสนุนช่วยเหลือ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวน จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

ปัจจุบันมีประชาชนแจ้งความจากกรณีดังกล่าวเข้าระบบแล้ว 1,100 ราย วันนี้คาดว่าจะมีเพิ่มเป็น 1,300 ราย เพราะแต่ละวันจะมีข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ประมาณ 200-300 ราย

ส่วนกรณีที่ในสื่อโซเชียล ส่งต่อภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เครื่องแบบและให้ข้อมูลความรู้ในเชิงเป็นโค้ชของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปฯ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ได้เห็นภาพ และผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสอบสวนแล้ว

จากนี้จะต้องพิสูจน์ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวมีสถานะเป็นโค้ช พรีเซนเตอร์ หรือ เกี่ยวพันอะไรกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ และจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอะไรหรือไม่ หากพบว่ากระทำผิดจริงจะต้องมีการลงโทษทั้งทางวินัย และอาญาเนื่องจากเป็นข้าราชการตำรวจ รวมทั้งจะต้องถามว่าตัวของตำรวจรายนี้เอาเวลาที่ไหนไปทำแบบนี้กระทบต่อเวลาราชการ เบียดบังเวลาในการทำงานให้พี่น้องประชาชนหรือไม่

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส