ดีเอสไอค้นบริษัท โค้ชแล็ป ผู้กุมข้อมูลความลับระบบหลังบ้านบริษัทดิไอคอน

17 ต.ค. 67

ดีเอสไอ ค้นบริษัท "โค้ชแล็ป" ผู้กุมข้อมูลความลับระบบหลังบ้านบริษัทดิไอคอนไว้ทั้งหมด ข้างบ้านแฉมีคนมาขนของหนีแล้วบางส่วน

ความคืบหน้ากรณีตำรวจ จับ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป (The iCon Group) พร้อมบรรดาบิ๊กบอส - ดาราที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง 18 คน ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ

วันที่ 17 ต.ค.67 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำหมายศาลบุกค้น เพื่อหาพยาน หลักฐานเกี่ยวกับระบบหลังบ้านบริษัทดิไอคอน หลังจากเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวสำคัญ ว่าข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ของดิไอคอน มีการนำมาฝากไว้ในคลาวด์และใช้สถานที่แห่งนี้ โดยจุดแรกเป็นอาคารพาณิชย์หลายชั้น ย่านถนนนวลจันทร์ ที่ทางดิไอคอนเช่าใช้เป็นสถานที่แบคอัพข้อมูล ข้อมูลส่วนหนึ่งจะเห็นในเรื่องของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งคาดว่าเป็นประโยชน์ในแนวทางการสืบสวน

1729143867421

เจ้าหน้าที่ระบุว่าหลักฐานพวกนี้เป็นหลักฐานทางดิจิทัลเปลี่ยนแปลงง่าย รวดเร็ว จึงรีบมาตรวจสอบก่อน คาดการณ์ว่าจะเจอข้อมูลลักษณะของแม่ข่ายและสมาชิกที่ลงทุนทั้งหมด

ส่วนจุดที่ 2 เป็นบริษัทเซิร์ฟริช จำกัด ถนนรังสิตนครนายก ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบริษัทของโค้ชแล็ป

โดย ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลการตรวจค้นทั้ง 2 จุด ระบุว่า ระบบหลังบ้านที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดในเรื่องนี้ก็คือโปรแกรมเมอร์ท่านหนึ่ง ก็ คือคุณจีระวัฒน์ แสงภักดี หรือ โค้ชแล็ป ซึ่งถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้ จึงขออำนาจศาลมาขอค้น บริษัทเซิร์ฟริช ซึ่งเป็นบริษัทของโค้ชแล็ป

1729143927340

จากการตรวจค้น สถานที่นี้มีทั้งหมด 4 ชั้น พบว่าชั้น2 และชั้น 3 เป็นที่ทำงานของโปรแกรมเมอร์และทีมงาน เป็นระบบหลังบ้านของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งจะเชื่อมข้อมูลเหล่านี้ไปกับจุดที่มีการตรวจค้นจุดแรก ซอยนวลจันทร์ ซึ่งตรงนั้นเช่าไว้เก็บข้อมูลระบบคลาวด์แบคอัพข้อมูล ซึ่งจะเก็บข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่แผนการตลาด ตัวเทมเพลทต่างๆ เราจะใช้ไปพิสูจน์ร่วมกับพยานหลักฐานต่างๆ

1729144196439

นอกจากนี้ยังพบว่าคืนวันอาทิตย์ (13 ต.ค.67) ข้อมูลบางส่วนถูกย้ายออกไป แต่ยังโชคดีที่มีข้อมูลที่ยังไม่ได้ขนไป มีทั้งเซิร์ฟเวอร์และตัวฮาร์ดดิสก์ที่เราพยายามจะดูว่าข้างในมีอะไรบ้าง ส่วนข้อมูลที่ถูกขนย้ายไปก่อนหน้านี้ เราไม่ทราบว่าเป็นส่วนไหนบ้าง เนื่องจากข้างๆตึกเขาให้ความร่วมมือ บอกว่ามีรถตู้มาขนออกไป

1729144040987

ส่วนกรณีที่มีสายลับแฉว่ามีเทวดาฝากฝังเจ้าหน้าที่คนนึงให้เข้ามาดูเกี่ยวกับเรื่องแชร์ลูกโซ่ในดีเอสไอโดยเฉพาะเจาะจงเลยนั้น รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันว่าไม่มี เพราะสายลับระบุว่าปีที่พูดถึงคือปี 63 ส่วนตัวตนตอนนั้นเป็นผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องคดีแชร์ลูกโซ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นข้อมูลบางอย่างมันมีการจินตนาการต่างๆนานา และสิ่งสำคัญที่สุดคือตนก็เป็นคนร่วมซักถามด้วยกับพยานปากสำคัญนี้ ตนก็อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องของบุคคล ขออย่างเดียวคืออย่าทำให้องค์กรได้รับผลกระทบ บุคคลกับองค์กรต่างกัน ตนค่อนข้างรักองค์กร อย่างที่ท่านอธิบดีพูด ถ้ามีข้อเท็จจริงว่ามีข้อราชการของดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆที่ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ให้มาให้ข้อมูลเลยเรายินดี ที่จะสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง เพราะว่าถ้าเป็นคนที่ทำให้องค์กรเสียหายเราก็ไม่ยอมเหมือนกัน.

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส