หลังจากแข่งกันลดราคาตัดขาคู่แข่งจนกระตุ้นยอดขายได้สำเร็จ ในวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา เทสลา (Tesla) และ ผู้ผลิต EV อื่นๆ ในจีน ได้เซ็นสัญญาสงบศึก เลิกตัดราคากันเรียบร้อย โดยระบุว่าผู้ผลิต EV ทุกเจ้าต้องปล่อยให้การแข่งขันเป็นไปอย่างเป็นธรรม เน้นการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพมาจูงใจลูกค้าแทนการทำสงครามราคา
ข้อตกลงในครั้งนี้เกิดขึ้นที่งาน China Automotive Forum ที่จัดขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้ และริเริ่มโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (Ministry of Industry and Information Technology) ที่ได้สนับสนุนให้สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน (China Association of Automobile Manufacturers) นำผู้บริหารจากบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 16 ราย เป็นต่างชาติ 1 ราย คือเทสลา และจีน 15 ราย เช่น BYD, Nio, Xpeng, Geely และ Chery Automobile มาร่วมลงชื่อในข้อตกลงดังกล่าว
จากการรายงานของ Bloomberg ข้อตกลงนี้เป็นการทำสัญญาใจร่วมกัน ทำให้ไม่มีข้อผูกมัดตามกฎหมาย แต่การเคลื่อนไหวนี้ก็สะท้อนว่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหลายอาจไม่ลดราคาสินค้าลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว หลังดึงยอดขายขึ้นมาได้จนเป็นที่น่าพอใจ
โดยนอกจากข้อตกลงที่ว่าผู้ผลิต EV ทุกรายในจีนจะปลอยให้มีการแข่งขันอย่างเสรีในตลาดโดยไม่มีการทำสงครามราคากันแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวยังระบุว่าผู้ผลิต EV จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช้วิธีสกปรกและการปั่นข่าวเพื่อทำการตลาด รวมไปถึงมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ดำเนินธุรกิจกรือกิจกรรมใดๆ ที่เป็นผลเสียต่อประโยชน์ส่วนรวม
ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ผู้ผลิต EV ที่มีส่วนแบ่งตลาดในจีนล้วนแต่แข่งกันลดราคาเพื่อเรียกลูกค้ากันยกใหญ่ หลังยอดขายลดฮวบ มีสินค้าค้างคลังเยอะ เพราะลูกค้าจีนกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 จนใช้จ่ายบริโภคกันน้อยลง
โดยผู้ผลิตที่นำขบวนลดราคาในครั้งนี้ก็คือ Forthing และ Dongfeng ที่ลดไปเฉลี่ยถึง 35.4% และ 26.9% ตามลำดับ ส่วนเทสลาตามมาในอันดับที่ 6 โดยลดไปเฉลี่ย 6.6% ในขณะที่ BYD และ Xpeng ลดลงไป 6.1% และ 5.8%
ซึ่งหลังจากมีการลดราคาไปแล้ว ก็มีผู้บริโภคสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น เพราะมองว่าอาจเป็นโอกาสเหมาะที่ไม่ได้มาบ่อยๆ โดยสำหรับเทสลาเอง มาตรการนี้ก็ถือว่าใช้ได้ผลเป็นอย่างมาก เพราะพบว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โรงงานในเมืองเซี่ยงไฮ้มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดส่งมอบของคู่แข่งอย่าง BYD และ Xpeng ก็ขึ้นตามกันไป โดยจากการคาดการณ์ของหน่วยงานรัฐ ในเดือนกรกฎาคม ยอดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานแบบใหม่ในจีนน่าจะเพิ่มขึ้นถึง 30% จากเดือนมิถุนายน
จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นขนาดนี้ นักวิเคราะห์จึงมองว่าข้อตกลงนี้อย่างน้อยจะไม่ใช่สัญญาจริงจัง แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณบอกตลาดว่าจะไม่มีการลดราคาอีกแล้ว เพราะถึงจุดที่ควรทำให้การแข่งขันกลับมาเป็นปกติ คือเน้นแข่งขันด้วยด้วยคุณภาพและนวัตกรรม และในระยะยาวการลดราคาไปเรื่อยๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องฉลาด เพราะจะเป็นการลดมูลค่าและลดโอกาสในการทำกำไรของบริษัทไปเรื่อยๆ
ที่มา: Bloomberg