Hermès แบรนด์เครื่องหนังระดับตำนานจากฝรั่งเศส ยังคงครองใจเศรษฐีทั่วโลก ล่าสุดประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2024 กวาดรายได้ไปกว่า 1.3 แสนล้านบาท เติบโต 11% ตอกย้ำความแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจโลกผันผวน บทความนี้จะพาไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของ Hermès พร้อมวิเคราะห์ปัจจัย ความท้าทาย และโอกาสในการเติบโต ปิดท้ายด้วยข้อมูลน่ารู้สำหรับนักลงทุนที่สนใจ
Hermès International หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hermès คือองค์กรสัญชาติฝรั่งเศสผู้ผลิตสินค้าลักซ์ชัวรีชั้นนำระดับโลก ชื่อเสียงของ Hermès นั้นเป็นที่ประจักษ์ในด้านความประณีตบรรจงแห่งงานฝีมือและการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเป๋าหนังระดับตำนานอย่าง Hermès Birkin และ Kelly ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงและมีมูลค่าในตลาดที่โดดเด่น อย่างไรก็ดี ความหรูหราของ Hermès มิได้จำกัดอยู่เพียงกระเป๋าหนังเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย อาทิ ผ้าพันคอ นาฬิกา น้ำหอม เสื้อผ้า ready-to-wear เครื่องหนัง ฯลฯ
ด้วยพันธกิจในการรังสรรค์สินค้าคุณภาพสูงสุด Hermès ได้ขยายเครือข่ายสาขากว่า 300 แห่งทั่วโลก โดยมีฐานลูกค้าหลักอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสร้างรายได้กว่า 52.5% ให้กับองค์กร ความสำเร็จของ Hermès ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ของตระกูล Hermès ซึ่งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขององค์กรกว่า 66.7% อันสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการธำรงรักษามรดกแห่งความหรูหราและสืบสานธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น
Hermès ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2024 ด้วยยอดขายรวมที่แข็งแกร่งถึง 3.7 พันล้านยูโร หรือประมาณ 136,900 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสินค้าลักซ์ชัวรีที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน
ไฮไลท์สำคัญของผลประกอบการในไตรมาสนี้คือการเติบโตที่โดดเด่นในภูมิภาคยุโรป (ไม่รวมฝรั่งเศส) ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 18% โดยมีปัจจัยหนุนมาจากทั้งฐานลูกค้าท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ส่วนในฝรั่งเศสเองก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีที่ 14% แม้จะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านลดลง ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นยังคงเป็นดาวเด่น ด้วยยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นถึง 23% จากฐานลูกค้าท้องถิ่นที่เหนียวแน่น ส่วนในทวีปอเมริกาก็ยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 13%
Hermès ยังคงรักษาความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดสินค้าลักชัวรี โดยผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2024 สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ นำโดยกลุ่มเครื่องหนัง (Leather Goods) ซึ่งยังคงเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนรายได้ ด้วยอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึง 14%
ความสำเร็จของกลุ่มเครื่องหนังเป็นผลมาจากยอดขายอันแข็งแกร่งของกระเป๋า Hermès รุ่นไอคอนิก เช่น Birkin และ Constance รวมถึงการเปิดตัวกระเป๋ารุ่นใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น Constance Élan และ Bolide à dos ซึ่งช่วยเติมเต็มไลน์สินค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าเครื่องแต่งกายสำเร็จรูปและเครื่องประดับ (Ready-to-wear & Accessories) ก็มีการเติบโตที่น่าประทับใจถึง 15% ขณะที่กลุ่มผ้าไหมและสิ่งทอเติบโต 2% และกลุ่มน้ำหอมและความงามเติบโต 7% โดยมีการเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Barénia ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกลิ่นอายอันอบอุ่นของหนัง
แม้ผลประกอบการโดยรวมของ Hermès ในไตรมาส 3 ปี 2024 จะเป็นที่น่าพอใจ แต่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) กลับพบว่ามีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% และถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2020
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตในภูมิภาคนี้คือตลาดจีน ซึ่งมียอดขายทรงตัว โดยจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านลดลงหลังช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม ยอดซื้อเฉลี่ยต่อคนมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปได้บางส่วน
แม้จะเผชิญกับความท้าทายในระยะสั้น แต่ Hermès ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดเอเชีย-แปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง โดยมีการลงทุนขยายและปรับปรุงสาขาเดิม เช่น การเปิดร้าน Hermès สาขาเซินเจิ้นโฉมใหม่ รวมถึงการเปิดสาขาใหม่ในสิงคโปร์และเกาหลีใต้ เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคนี้
ล่าสุดทาง Hermès ได้ดำเนินนโยบายการปรับราคาขายอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2024 Hermès ได้ประกาศปรับราคาสินค้าขึ้นโดยเฉลี่ย 9% อย่างไรก็ดี สำหรับปี 2025 Hermès มีแผนที่จะปรับราคาขึ้นในอัตราที่ลดลง เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยยังคงมุ่งเน้นการรักษาสมดุลระหว่างการขยายตัวทางธุรกิจและการสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า
นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านราคา Hermès ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการผลิตและรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Hermès ได้เปิดโรงงานผลิตเครื่องหนังแห่งใหม่ในเมือง Riom ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายกำลังการผลิตอย่างยั่งยืน เพื่อธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานความเป็นเลิศด้านงานฝีมือ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก แต่ Hermès ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการลงทุนในระบบการผลิตและเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความเป็นเลิศด้านคุณภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก
ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง Hermès ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาระดับกำไรสุทธิและผลักดันการเติบโตในทุกภูมิภาค ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
การวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ของ Hermès International สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งขององค์กร แม้เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาค Hermès ยังคงรักษาสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมสินค้าฟุ่มเฟือยได้อย่างมั่นคง ด้วยอัตราการเติบโตของรายได้ที่โดดเด่น กลยุทธ์ทางธุรกิจที่เฉียบคม และวิสัยทัศน์ระยะยาวที่ชัดเจน
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
ความท้าทายในเวลานี้
ทิศทางในอนาคต
Hermès ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ระยะยาว และมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรม การลงทุนในระบบการผลิต และการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่าย ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการปรับตัว Hermès มีความพร้อมที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และธำรงไว้ซึ่งสถานะผู้นำในตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในระยะยาว
ผลตอบแทนที่โดดเด่นของหุ้น Hermès ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของบริษัท และความเชื่อมั่นของนักลงทุน การลงทุนในหุ้น Hermès ไม่เพียงแต่เป็นการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ระดับตำนาน แต่ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นอีกด้วย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หุ้น Hermès สร้างผลตอบแทนรวม (Total Return) ให้กับนักลงทุนสูงถึง 260.71% ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าดัชนี EURO STOXX 50 ซึ่งเป็นตัวแทนของ 50 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในยูโรโซน ที่ให้ผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 40.09%
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้น Hermès มีรายละเอียดที่ควรรู้ดังนี้
Market Cap (ณ วันที่ 06/11/2024) | 220,956.8 ล้านยูโร |
ตลาดหลักทรัพย์ | Euronext Paris |
Ticker Code | RMS FP |
บริษัทมีร้าน Hermès มากกว่า | 300 สาขาทั่วโลก |
รายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศกลุ่มเอเชีย | 52.50% |
ถือหุ้นใหญ่โดย Hermès Family กว่า | 66.70% |
การลงทุนในหุ้น Hermès ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนในระยะยาว และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ลักชัวรีชั้นนำระดับโลก อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
อ้างอิงจาก KSecurities