ภาวะเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งเริ่มขยายตัว จากการอัดเม็ดเงินเศรษฐกิจของภาครัฐ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนนั้น ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คงหนีไม่พ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่พยายามเรียกร้องให้ช่วยผ่อนคลายกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ เพราะสถาบันการเงินก็เข้มงวดเพราะกังวลหนี้เสียเช่นกัน
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณมาดูทิศทางอสังหาริมทรัพย์ไทย จากบริษัทชั้นนำของประเทศอย่าง บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ธุรกิจเขาเป็นอย่างไรบ้าง และมีการปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ในทุกสถานการณ์ของเศรษฐกิจ
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NOBLE” มีมุมมองสัญญาณบวกดีมานด์ซื้อกลุ่มลูกค้าต่างชาติกลับมาคึกคัก ส่งผลให้มียอดขายต่างชาติพุ่ง สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 146% ทำ All Time High ใหม่
พร้อมมั่นใจว่าปีนี้ยอดขาย Pre-Sale ท็อปฟอร์มแตะ 18,000 ล้านบาท เติบโต 21% จากปีก่อน และยอดโอนตามแผน 11,000 ล้านบาท เติบโต 67% จากปีก่อน จากการส่งมอบ 4 คอนโดมิเนียมใหม่ ระบุมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้พุ่ง 18,400 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ หนุน Backlog เป็น Highest Record ใหม่ พุ่งอยู่ที่ระดับ 27,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ยาวถึงปี 2571
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม NOBLE มองว่า “ การที่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาก็มีนโยบายใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นนโยบายนิมิตรใหม่ อสังหาริมทรัพย์ สามารถขายที่ดินให้กับต่างชาติ 99 ปี รอดูอยู่ว่าสิ่งประกาศออกมาเป็นสิ่งได้แค่ไหน ถ้าทำได้ก็เป็นผลบวกกับอสังหาฯ”
ส่วนเรื่องที่ 2 อัตราดอกเบี้ยนั้น อยากให้มองภาพย้อนหลังไป ไทยถือว่าโชคดี เรื่องของเงินเฟ้อและดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับต่างประเทศนั้น ทุกประเทศอยู่สูงกว่าไทยหมด ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้มาก่อน หลังจากนี้ไปเห็นเทรนชัดเจนว่า อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการอสังหาฯ ลดลง และความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นตามได้
สำหรับเรื่องที่ 3 ตลาดต่างประเทศ เริ่มเห็นการต่างชาติกลับเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้น สะท้อนผลประกอบการที่สูงขึ้น อนาคต ตลาดอสังหาฯ เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง
สำหรับภาพรวมผลการขายอสังหาริมทรัพย์ (Pre-Sale) ในปี 2567 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดตัวโครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 (NUE Epic Asok-Rama 9) มูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท ผลตอบรับล้นหลามทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสร้างยอดขายไปแล้วมากกว่า 50% ของทั้งโครงการ นับเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในปีนี้
ทั้งนี้ ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา (มกราคม-ตุลาคม 2567) บริษัท มียอดขายรวม (Pre-Sale) สะสมทุกโครงการแล้วกว่า 14,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งถือว่าเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 ที่ NOBLE เคยทำสถิติยอดขายสูงสุด
โดยตลาดต่างชาติเป็นอีก Key Success หลักที่เป็นแรงขับเคลื่อนในการผลักดันยอดขายเติบโตจนประสบความสำเร็จ และคาดว่าโครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 จะได้รับผลตอบรับทางด้านยอดขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีคาดการณ์ยอดขาย (Pre-Sale) จนถึงสิ้นปีแตะ 18,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 21% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY)”
NOBEL คาดการณ์ว่า ตัวเลข ณ สิ้นปี 2567 จะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ แตะอยู่ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท เติบโต 67% จากปีก่อน จากแผนการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่จำนวน 4 โครงการในปีนี้
โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมที่เสร็จใหม่แล้ว จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
ขณะที่ โครงการ นิว เมกา พลัส บางนา (NUE Mega Plus Bangna) ซึ่งอยู่ในระหว่างการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ และในไตรมาส 1/2568 ยังมีโครงการคอนโดฯ ที่เสร็จใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ (Noble Form Thonglor) ซึ่งเป็นโครงการระดับ Luxury สูง 46 ชั้น มูลค่าโครงการ 5,300 ล้านบาท บนทำเลใจกลางถนนทองหล่อ ภายใต้คอนเซปต์ " ONE FORM for everything life has to offer" พร้อมส่งมอบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโครงการ
สำหรับภาพรวมในปี 2567 NOBEL ยังมีโครงการพร้อมอยู่อื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการขาย (Inventory) ที่จะสร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ในปี 2567 NOBEL มีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วรวมมูลค่าโครงการรวม 18,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ที่สูงกว่าแผนเดิมที่วางไว้ ณ ตอนต้นปี 2567 ที่ 14,310 ล้านบาท สะท้อนถึงศักยภาพการพัฒนาโครงการ และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดย NOBEL ได้เปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในช่วง 10 เดือนแรกไปแล้ว จำนวน 4 โครงการ ได้แก่
NOBLE มีตลาดต่างชาติที่เติบโตได้ดี เห็นได้จากช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มียอดขายต่างชาติที่เติบโตขึ้นมากโดยสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1,688 ยูนิต เพิ่มขึ้นถึง 146% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายทั้งปีก่อนหน้า ถือเป็น All Time High ใหม่ คาดเติบโตกว่านี้อย่างแน่นอน
เนื่องจากยังคงมีแผนรองรับการขายต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี โดยการเติบโตของยอดขายต่างชาติที่ต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากแผนกลยุทธ์การขยายตลาดของทีมขายในต่างประเทศ ภายใต้การดูแลของนายแฟรงค์ เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้เสริมความแข็งแกร่งด้วยเครือข่ายตัวแทนขายที่ครอบคลุมในหลากหลายประเทศ เติบโตสวนกระแสตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ยืนยันถึงศักยภาพของทีมขายที่แข็งแกร่งแม้ตลาดจะเผชิญความท้าทาย โดยการเติบโตในยอดขายลูกค้าต่างชาติสอดคล้องกับแผนการขยายตลาดของบริษัท
นายแฟรงค์ เผยว่า “กำลังซื้อจากจีนมีการชะลอในบางช่วง แต่อสังหาฯ เราเป็นความตั้งใจขายต่างชาติสามารถครอบคลุมพื้นที่สำคัญที่ผ่านมา ขยายไปที่อื่นๆ มีโควิดกระแทก แต่ดีมานด์กลับมาแล้ว เพราะฉะนั้น ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดได้มากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้นด้วย”
ขณะที่ลูกค้าพม่ามีเข้ามาเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนพื้นที่ใกล้ไทยและเล็งเห็นโอกาสการลงทุนทำได้ง่าย รวมถึงจากสถานการณ์ภายในมีปัญหาเรื่องความมั่นคง ผู้ลงทุนในพม่า ประเทศแรกที่ลงทุน คือ ไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ยังเห็นนักลงทุนพม่าเข้ามาเรื่อยๆ มีกำลังซื้อ ส่งลูกมาเรียน มารักษาพยาบาล และมองว่าประเทศไทยกำลังจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคทำให้เกิดอะไรหลายๆ อย่างดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปีหน้าลูกค้าต่างชาติ เชื่อว่า ตลาดพม่าเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ไต้หวัน รัสเซียผนวกยูเครน มีความกลัวในประเทศ เป็นเรื่องตัดสินใจการลงทุน Saven ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีความพร้อม
อย่างไรก็ตาม จากยอดขาย (Pre-Sale) ของทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ล่าสุด (ณ สิ้นไตรมาส 3/2567) NOBEL มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 27,000 ล้านบาท ซึ่งเป็น Highest Record ใหม่ของบริษัทฯ และสามารถรับรู้ในช่วงไตรมาส 4/2567 ประมาณ 6,800 ล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20,200 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ถึงปี 2571 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีสินค้าพร้อมขาย (Inventory) ในมือที่เพียงพอ สามารถรองรับการขายได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องแผนการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในอนาคต
NOBLE ยังคงมีความมุ่งมั่นและยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด "Live Different" ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบการใช้ชีวิตที่คำนึงถึงสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “เราสร้างบ้าน ให้เป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย” เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตอีกระดับสำหรับลูกบ้านโนเบิล และเน้นการบริหารจัดการองค์กรที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพ เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดไปสู่สิ่งใหม่อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างสรรค์วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า พร้อมที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน