บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ประกาศแผนกลยุทธ์ปี 2567 มุ่งต่อ ยอดพันธกิจ “We Shape the Future” เสริมศักยภาพทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจให้แข็งแกร่งครบวงจร หลังคว้าผลประกอบการแกร่งใน ปี 2566 ทุบสถิตินิวไฮอีกครั้ง โดยในปี 2566 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 17,200 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 11% และรักษาระดับอัตรากำไร EBITDA ที่มากกว่า 40% พร้อมจัดสรรงบลงทุนภายใน 5 ปี (ปี 2567-2571) ที่ 78,700 ล้านบาท ผลักดันรายได้รวม 5 ปีสู่ระดับ 1 แสนล้านบาท
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2567 นี้ เรายังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันทางธุรกิจและอุตสาหกรรมเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ และร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทย โดยมีภารกิจสำคัญคือการบรรลุเป้าหมายที่จะเป็น Technology Company อย่างเต็มตัว ด้วยกลยุทธ์ Al Transformation มุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล ยกระดับการดำเนินงานด้วยข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อคงความเป็นผู้นําในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต่อยอดโครงการ Digital Transformation ที่มีอยู่กว่า 38 โครงการ” ทั้งนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้กำหนด 4 กลยุทธ์สำคัญในปี 2567 ดังนี้
ธุรกิจโลจิสติกส์ของ WHA Group เติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2566 โดยลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 242,000 ตารางเมตร ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,945,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART จำนวน 142,900 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่ารวม 3,566 ล้านบาท
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการย้ายฐานการผลิตของภาคอุตสาหกรรมจากจีนและประเทศอื่นๆ เข้าสู่ประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าและโรงงานเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงการเข้าซื้อกิจการบริษัท จีซี โลจิสติกส์ โซลูชั่นส์ จำกัด (GCL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ในสัดส่วน 50% มูลค่า 2,640 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจและพัฒนาโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ การเสริมศักยภาพด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และการส่งเสริมแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน
หนึ่งในโครงการสำคัญที่บริษัทฯ ดำเนินการในปี 2566 คือโครงการ Green Logistics ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนและเร่งการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาคขนส่งของประเทศ โดยบริษัทฯ มีการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จ และกำลังพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้ารวมถึงแบตเตอรี่ ในปี 2566 มีลูกค้าเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 25 คัน และบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 1,000 คันในปี 2567
สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2567 บริษัทฯ วางเป้าหมายส่งมอบโครงการและสัญญาใหม่เพิ่มขึ้น 200,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นประเทศไทย 165,000 ตารางเมตร และเวียดนาม 35,000 ตารางเมตร และคาดว่าสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารจะเพิ่มถึงระดับ 3,145,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR รวมทั้งสิ้นประมาณ 213,000 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,290 ล้านบาท
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวมสูงสุดอยู่ที่ 2,767 ไร่ แบ่งเป็น ประเทศไทย 1,986 ไร่ และเวียดนาม 781 ไร่ ไฮไลต์สําคัญคือการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย หนึ่งในกลุ่มยานยนต์ชั้นนํา 4 กลุ่มของจีน จํานวน 250 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และการลงนามในสัญญาเช่าที่ดินในเวียดนามกับฟู วิ่ง อินเตอร์คอนเนค เทคโนโลยี (เหงะอาน) ในเครือฟ็อกซ์คอนน์ อินเตอร์คอนเนค เทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ ที่สุดของโลก จํานวน 300 ไร่
ในปี 2567 บริษัทฯ มีโครงการพัฒนานิคมฯ ใหม่และขยายนิคมฯ ในประเทศไทยรวม 7 โครงการ บนพื้นที่รวม เกือบ 10,000 ไร่ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้มีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,000 ไร่ ในปี 2570 โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) อย่างต่อเนื่อง โดยขยาย ขีดความสามารถให้ครอบคลุม 6 องค์ประกอบสําคัญคือ
ภายใต้การบริหารจัดการโดยศูนย์ ควบคุมกลาง (Unified Operation Center) และต่อยอดการเป็น Total Solutions Partner ให้กับลูกค้า ด้วยการให้บริการที่เกี่ยวเนื่อง เช่น บริการด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โทรคมนาคม ในประเทศเวียดนาม นอกจากเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ซึ่งเฟส 1 ประสบความสําเร็จอย่างมากมีผู้เช่าไปแล้วกว่า 77% และอยู่ระหว่างการพัฒนาเฟส 2 บริษัทฯ ยังมีแผนการที่ จะขยายเขตอุตสาหกรรมอีก 3 โครงการ บนที่ดินรวมกว่า 22,813 ไร่
สําหรับเป้าหมายในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ดินทั้งในประเทศไทยและเวียดนามรวม 2,275 ไร่ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งไว้ 1,750 ไร่ ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ สามารถทํายอดขายที่ดินสูงกว่า เป้าหมายถึง 58% อยู่ที่ 2,767 ไร่
ในปี 2566 ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ของบริษัท WHAUP มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยในประเทศไทย มีปริมาณยอดขายน้ำและบำบัดน้ำเสียรวม 121 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นการเติบโต 4% แบ่งเป็นปริมาณยอดขายน้ำดิบ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร และปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในเวียดนาม อยู่ที่ 34 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 18% สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ในปี 2566 ได้แก่
สำหรับปี 2567 บริษัท WHAUP ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมที่ 178 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นภายในประเทศ 142 ล้านลูกบาศก์เมตร และในเวียดนาม 36 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 14% โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายการให้บริการน้ำทุกประเภทในโครงการนิคมใหม่ๆ ของ WHA และนอกนิคมของ WHA รวมถึงตอบสนองความต้องการน้ำของลูกค้าในเวียดนามที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมถึงเดินหน้าพัฒนา Smart Water Platform และมองหาโอกาสขยายธุรกิจใหม่ๆ อาทิ โซลูชันสิ่งแวดล้อม และสาธารณูปโภคสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ
บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในด้านปริมาณการผลิตไฟฟ้าและกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ในด้านปริมาณการผลิตไฟฟ้านั้น บริษัทฯ มีการเซ็นสัญญาโครงการโซลาร์รูฟท็อปเพิ่ม 42 สัญญา คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ให้เป็นผู้มีสิทธิพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์
สำหรับปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,000 เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานหมุนเวียน 453 เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) 283 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันพลังงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Peer-to-Peer Energy Trading) และการซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS) เป็นต้น
WHA Group เดินหน้ายกระดับองค์กรในทุกมิติ ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” เพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและเสริมศักยภาพของระบบนิเวศทางธุรกิจ
สำหรับธุรกิจดิจิทัลของ WHA Group ได้ดำเนินโครงการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน WHA Connect เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลและบริการต่างๆ ของกลุ่มธุรกิจ WHA Group เข้าด้วยกัน ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจดิจิทัลของ WHA Group ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยในปี 2567 จะเปิดตัวแอปพลิเคชัน Super Driver App สำหรับลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าภาคธุรกิจ แอปพลิเคชันนี้จะช่วยบริหารจัดการยานพาหนะ วางแผนเส้นทาง และการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Roaming) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลแล้ว WHA Group ยังได้ตั้งเป้าที่จะดำเนินธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2593 (100% Circularity by 2050) ผ่านการดำเนินงานภายใต้ 3 หลักการ ได้แก่ Design & Resource, Green Products และ Operation Excellence โดยในปี 2566 กลุ่มธุรกิจทั้ง 4 ของ WHA Group ได้นำเสนอโครงการ Circular Economy ไม่น้อยกว่า 40 โครงการ ซึ่งครอบคลุมทั้งการลดการใช้ทรัพยากร การลดการปล่อยมลพิษ และการรีไซเคิลวัสดุ
การยกระดับองค์กรในทุกมิติของ WHA Group ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กรในอนาคต
ความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจ WHA Group ในปี 2566 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ดังจะเห็นได้จากรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย ดังนี้
ความสำเร็จเหล่านี้ ล้วนเป็นผลมาจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ และการทำงานหนักของพนักงานทุกคนใน WHA Group ที่ร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ในปี 2567 WHA Group ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับศักยภาพในทุกด้าน เพื่อการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการสร้างความพร้อมในการรับมือทุกความท้าทาย และก้าวสู่เป้าหมายใหม่ต่อไปในอนาคต
สำหรับความท้าทายที่ WHA Group ต้องเผชิญในปี 2567 ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การแข่งขันที่รุนแรงจากธุรกิจต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม WHA Group เชื่อว่าด้วยความพร้อมและความแข็งแกร่งขององค์กร จะสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ไปได้ และพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
บทพิสูจน์ความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจ WHA Group ในปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง WHA Group ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับศักยภาพในทุกด้าน เพื่อการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการสร้างความพร้อมในการรับมือทุกความท้าทาย และก้าวสู่เป้าหมายใหม่ต่อไปในอนาคต