McDonald’s และ Starbucks พบยอดขายไตรมาสที่ 4 ลด โดยเฉพาะในประเทศตะวันออกกลาง หลังมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวออกมารณรงค์ให้เลิกบริโภคสินค้าจาก Starbucks และ McDonald’s เพื่อประท้วงที่สองบริษัทออกตัวสนับสนุนกองทัพอิสราเอล
จากคำแถลงของ Laxman Narasimhan ซีอีโอของ Starbucks ในไตรมาสที่ 4 ยอดขายของ Starbucks ในประเทศตะวันออกกลางลดลงอย่างมีนัยสำคัญจริงหลังมีการประท้วง และยังส่งผลต่อยอดจำนวนลูกค้าที่เดินเข้าร้านในสหรัฐฯ ซึ่งมีจำนวนลดลงแม้ยอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% โดยทางบริษัทมีแผนที่จะออกโปรโมชั่น และออกเครื่องดื่มใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้าต่อไปในไตรมาสปัจจุบัน
ส่วนทางด้านของ McDonald’s พบว่า รายได้จากการขายสินค้าในร้านแฟรนไชส์ต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศตะวันออกกลาง และประเทศที่มีประชากรมุสลิมสูง เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฝรั่งเศส ลดลงเป็นอย่างมาก ทำให้รายได้จากตลาดต่างประเทศในไตรมาสที่ 4 โดยรวมเติบโตเพียง 0.7% จากเป้าหมายที่วางไว้ 5.5%
โดยจากคำกล่าวของ Chris Kempczinski ซีอีโอของ McDonald’s ยอดขายของ Mcdonald’s ในประเทศตะวันออกกลางไม่น่าจะเพิ่มขึ้นจนกว่าสงครามจะจบ หรือหยุดยิง เพราะเป็นการบอยคอตต์เพื่อให้กองทัพอิสราเอลหยุดโจมตีชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าและเวสต์แบงก์ ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ กดดันให้ราคาหุ้น McDonald’s ลดลงเกือบ 4% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
หากสงครามไม่จบ จะไม่หยุดแบน กระทบรายอื่นด้วย
หลังความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ปะทุขึ้น มีหลายบริษัทกลายเป็นเป้าหมายของการบอยคอตต์หลังออกมาสนับสนุนกองทัพอิสราเอล โดยเฉพาะ Starbucks และ McDonald’s เช่น ร้านอาหารใหญ่จากสหรัฐฯ ที่เป็นเป้าหมายหลัก และเป็นสองบริษัทแรกที่ออกมายอมรับว่าการบอยคอตต์ในครั้งนี้กระทบกับยอดขายของบริษัทจริง และน่าจะกระทบต่อไปจนกว่าสงครามจะจบ
Starbucks เริ่มถูกเพ่งเล็งจากนักเคลื่อนไหวและผู้บริโภคหลังกลุ่ม Starbucks Workers United หรือกลุ่มตัวแทนสหภาพแรงงานของบริษัทออกมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียสนับสนุนปาเลสไตน์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมบางส่วนในสหรัฐฯ ทำให้บริษัทออกมาสั่งให้สหภาพแรงงานลบโพสต์ดังกล่าว และฟ้องเรียกความเสียหายจากการละเมิดข้อตกลงการใช้ตราของบริษัท
ส่วนทางด้านของ McDonald’s กลายเป็นเป้าหมายของการบอยคอตต์ หลัง McDonald’s อิสราเอลออกมาประกาศว่า ได้ให้อาหารกับกองทัพอิสราเอลเป็นจำนวนหลายหมื่นชุดไม่กี่วันหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในวันที่ 7 ตุลาคม
นอกจากสองบริษัทนี้แล้ว ยังมีอีกหลายเชนร้านอาหาร เช่น Domino’s Pizza, Papa John’s, Burger King, และ Pizza Hut ของ Yum Brands ที่กลายเป็นเป้าหมายของการบอยคอตต์ประท้วงในครั้งนี้ โดยก่อนหน้านี้แบรนด์อย่าง Domino’s ก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่าการบอยคอตต์ส่งผลกับยอดขายในประเทศมุสลิมเพราะลูกค้าเข้าใจว่าทุกบริษัทที่มาจากสหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอล
โดยนอกเหนือจาก Starbucks และ McDonald’s ยังไม่มีบริษัทใดๆ ออกมาพูดถึง การบอยคอตต์นี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ แต่ก็อาจจะต้องจับตาดูกันต่อไปเพราะยังมีอีกหลายเชนที่ยังไม่เปิดเผยผลประกอบการ รวมถึง Yum Brands ที่กำลังจะเผยผลประกอบการในวันพุธที่ 7 ก.พ. ที่จะถึงนี้