YouTube ขยายการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งานจากคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI โดยผู้ใช้งานสามารถขอให้ YouTube ลบวิดีโอที่ใช้ AI เพื่อปลอมใบหน้าหรือเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
มาตรการนี้ถูกสร้างขึ้นจากนโยบาย AI ของ YouTube ที่ประกาศไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา หลังจากเนื้อหา AI และ Deepfakes มีมากขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว YouTube จึงต้องการให้ผู้ใช้งานสามารถรายงาน เมื่อภาพหรือเสียงของพวกเขาปรากฏขึ้นจาก AI โดยที่พวกเขาไม่ได้ให้อนุญาต
ซึ่งหากผู้ใช้งานต้องการรายงานเนื้อหา AI ที่มีการลอกเลียนแบบใบหน้าหรือเสียง ผู้ใช้งานสามารถแจ้งผ่านร้องเรียนความเป็นส่วนตัวของ YouTube ได้ โดยในการตรวจสอบคำร้องเรียน YouTube จะพิจารณาองค์ประกอบดังนี้:
- เนื้อหาคอนเทนต์นั้นดูออกว่าเป็นของปลอมอย่างชัดเจน หรือคนอื่นอาจคิดว่าเป็นของจริง
- ผู้ใช้งานสามารถระบุบุคคลที่ร้องเรียนในวิดีโอได้จริงหรือไม่
- เนื้อหาเป็นการล้อเลียนหรือเล่นตลก โดยเฉพาะถ้ามันเกี่ยวข้องกับคนดังหรือเปล่า?
โดย YouTube กล่าวว่าจะให้เวลาครีเอเตอร์ที่อัปโหลดเนื้อหา 48 ชั่วโมง ในการดำเนินการกับการร้องเรียน หากเนื้อหาถูกลบก่อนเวลาดังกล่าว การร้องเรียนจะปิดลง มิฉะนั้น YouTube จะเริ่มการตรวจสอบ ซึ่งบริษัทยังเตือนผู้ใช้ว่า การลบหมายถึงการลบวิดีโอออกจากไซต์โดยสมบูรณ์ และหากเป็นไปได้ ให้ลบชื่อและข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลออกจากชื่อ คำอธิบาย และแท็กของวิดีโอด้วย
อย่างไรก็ตาม YouTube จะไม่ลบเนื้อหาที่สร้างโดย AI ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ แต่จะพิจารณาสิ่งต่างๆ รวมทั้งบุคคลนั้นจะต้องสามารถระบุตัวบุคคลได้อย่างชัดเจน อาจเป็นจากใบหน้า เสียง ชื่อนามสกุล หรือข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดทางการเงิน หรือการติดต่อ
นอกจากนี้ YouTube จะมีการพิจารณาด้วยว่า คอนเทนต์วิดีโอเป็นเพียงคลิปตลกหรือเสียดสี โดยเฉพาะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือไม่ โดยสำหรับครีเอเตอร์ที่ได้รับการร้องเรียนเรื่องความเป็นส่วนตัว จะไม่ถูกปิดช่องโดยอัตโนมัติ
นโยบายใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า YouTube พยายามสร้างสมดุลระหว่างการแสดงออกอย่างอิสระกับการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้อย่างไร เนื่องจาก AI เลียนแบบคนจริงๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งคำร้องเรียนยังสามารถยื่นในนามของผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ มีตัวแทนตามกฎหมาย หรือเสียชีวิต เพื่อให้มั่นใจว่าแพลตฟอร์มเคารพความเป็นส่วนตัวและศักดิ์ศรีของผู้ใช้งานทุกคนด้วย
ทั้งนี้ YouTube ไม่ได้ต่อต้านการใช้ AI เนื่องจากได้ทดลองใช้ Generative AI มาแล้ว รวมถึงเครื่องมือสรุปความคิดเห็น และเครื่องมือสนทนาเพื่อถามคำถามเกี่ยวกับวิดีโอหรือรับคำแนะนำ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตือนก่อนหน้านี้ว่า การติดป้ายกำกับเนื้อหา AI เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ป้องกันเนื้อหานั้น จากการถูกลบ เนื่องจากยังคงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube
ในขณะที่ AI ยังคงพัฒนาต่อไป แพลตฟอร์มอย่าง YouTube จะต้องระมัดระวังในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ การขยายการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายที่เกิดจากเทคโนโลยีเกิดใหม่
ที่มา Maginative, Tech Crunch