ในยุคที่เวลาเป็นสิ่งมีค่า การรอคิวยาวเหยียดเพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารในร้านดัง อาจกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ "ไทปะ" หรือการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด "Fast Pass" จึงเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล ที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบาย แม้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มก็ตาม
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ "Fast Pass" ในวงการอาหารญี่ปุ่น เจาะถึงพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ กลยุทธ์การปรับตัวของร้านอาหาร และบทบาทของเทคโนโลยี ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การรับประทานอาหาร ให้กลายเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมไขข้อสงสัยว่า "Fast Pass" จะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ ที่ปฏิวัติวงการอาหารในอนาคตหรือไม่?
เดิมที คิว ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ความนิยมของร้านอาหาร สะท้อนถึงรสชาติและคุณภาพที่ดึงดูดใจ จนลูกค้ายินยอมสละเวลาเพื่อรอคอย ปรากฏการณ์ Ore no Italian ในปี 2011 เป็นกรณีศึกษาที่ชัดเจน เมื่อลูกค้าจำนวนมากยอมเข้าคิวรอเป็นเวลานานถึง 3 ชั่วโมง เพื่อสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับมิชลินสตาร์ในราคาที่เข้าถึงได้
อย่างไรก็ดี แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับ ไทปะ (タイパ) หรือการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด พวกเขามีความเต็มใจที่จะจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกสบายและความรวดเร็ว เวลา จึงกลายเป็น ทรัพยากรอันมีค่า ที่ทุกคนปรารถนาจะใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบ Fast Pass ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงสวนสนุก ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจร้านอาหาร โดย TableCheck ผู้ให้บริการระบบจองร้านอาหารชั้นนำ เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มนี้ โดยระบบดังกล่าวอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถจองโต๊ะล่วงหน้าและชำระค่าธรรมเนียม เพื่อเข้ารับบริการในเวลาที่กำหนด โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอคิว สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ที่มุ่งเน้นการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
บริการ Fast Pass ช่วยให้ลูกค้าสามารถ ลัดคิว เข้ารับบริการและเพลิดเพลินกับอาหารได้ในทันที ลูกค้าสามารถใช้เวลาที่เหลือในการทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การชมภาพยนตร์ หรือ การจับจ่ายสินค้า ปัจจุบัน ผู้บริโภคจำนวนมากตระหนักถึงคุณค่าของเวลา และเล็งเห็นว่า การต่อคิว เป็นการสูญเสียโอกาสในการทำกิจกรรมอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ บริการ Fast Pass จึงได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคยุคใหม่
Fast Pass สร้างมูลค่าเพิ่มเหนือ รายได้ สำหรับร้านอาหาร
โดยทั่วไป ค่าธรรมเนียม Fast Pass จะอยู่ในช่วงประมาณ 390 - 500 เยน โดยราคาสูงสุดในขณะนี้อยู่ที่ 2,000 เยน การจัดเก็บค่าธรรมเนียม Fast Pass มิได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร้านค้าเพียงด้าน รายได้ เท่านั้น แต่ยังรวมถึง
Fast Pass อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับร้านอาหารทุกประเภท ธุรกิจ Fast Food เช่น McDonald's หรือ Starbucks ได้นำเสนอ Mobile Order เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ซึ่ง Fast Pass อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากราคาอาหารต่อหน่วยค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ บริการ Delivery ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสั่งอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
การหลีกเลี่ยงการต่อคิว มิใช่ปรากฏการณ์เฉพาะกลุ่ม แนวโน้ม การหลีกเลี่ยงการต่อคิว มิได้จำกัดอยู่เฉพาะในอุตสาหกรรมร้านอาหาร ธุรกิจหลากหลายประเภทได้นำกลยุทธ์ Dynamic Pricing มาประยุกต์ใช้ เช่น สายการบิน และ โรงแรม ที่ปรับเปลี่ยนราคาตามอัตราส่วนของที่นั่งหรือห้องพักว่าง สวนสนุกชั้นนำอย่าง Tokyo Disney Resort และ Universal Studio Japan ได้นำเสนอบริการ Priority Pass และ Express Pass ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถสำรองเวลาเข้ารับบริการเครื่องเล่นล่วงหน้า โดยไม่จำเป็นต้องต่อคิว
กรณีศึกษา ราเม็ง 2,000 เยน กับค่าธรรมเนียม Fast Pass 390 เยน : ระบบ Fast Pass กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในร้านอาหารชื่อดังหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่น ร้านราเม็งระดับพรีเมียม ที่ลูกค้ายินดีจ่ายค่าธรรมเนียม 390 เยน เพื่อรับประทานราเม็งชามละ 2,000 เยน โดยไม่ต้องต่อคิว สะท้อนให้เห็นถึง มูลค่าของเวลา ที่เพิ่มสูงขึ้น และความเต็มใจที่จะจ่ายเพื่อ ประสิทธิภาพของเวลา
ในปี พ.ศ. 2559 ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสำรองที่นั่งร้านอาหารชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ได้เล็งเห็นถึงความต้องการ Fast Pass โดยมีที่มาจากเสียงสะท้อนของร้านราเม็งชื่อดัง ที่ประสบปัญหาลูกค้าชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการรอคิวยาวเหยียด นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า การเสียเวลา 1-2 ชั่วโมงเพื่อรอคิวรับประทานราเม็ง ถือเป็นการใช้เวลาที่ไม่คุ้มค่า พวกเขาต้องการใช้จ่ายเพื่อ ซื้อเวลา และหลีกเลี่ยงการรอคิว ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการ หลีกเลี่ยงการต่อคิว ที่เพิ่มสูงขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ร้านราเม็งบางแห่งจึงเริ่มนำเสนอ Reservation Plan โดยจัดสรรพื้นที่บางส่วนภายในร้านเป็น ที่นั่งแบบจอง ลูกค้าสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้ในราคา 3,000 เยน (ในขณะที่ราคาเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 1,000 เยน) พร้อมรับสิทธิพิเศษ อาทิ ของที่ระลึก เป็นชุดราเม็งพร้อมปรุงสำเร็จ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริการ
บริการ Fast Pass เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ ความหลากหลาย ในระบบการสั่งอาหาร ที่ช่วยเติมเต็ม ประสบการณ์ ของลูกค้า ด้วยการมอบโอกาสในการ ลัดคิว ในร้านอาหารยอดนิยม พร้อมสร้าง รายได้ ให้แก่ร้านค้า แนวคิด การใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนบริการ Fast Pass
ในอนาคต คาดการณ์ว่าจะมีบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่มุ่งเน้น การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และ การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น ร้านอาหารวิวสวย ร้านอาหารพร้อมดนตรีสด หรือร้านอาหารที่ผสานเทคโนโลยี AR/VR เข้ากับประสบการณ์การรับประทานอาหาร เป็นต้น
การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมร้านอาหาร (DX : Digital Transformation) จะช่วยพัฒนา ความสัมพันธ์ ระหว่างร้านค้าและลูกค้า ให้ก้าวไปสู่ระดับที่ น่าพึงพอใจ ยิ่งขึ้น โดย Fast Pass เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของธุรกิจร้านอาหาร ในการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่ให้ความสำคัญกับ คุณค่าของเวลา และ ประสิทธิภาพ ในการใช้ชีวิต ดังนั้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และ การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น ร้านอาหารวิวสวย ร้านอาหารพร้อมดนตรีสด หรือร้านอาหารที่ผสานเทคโนโลยี AR/VR เข้ากับประสบการณ์การรับประทานอาหาร เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า "Fast Pass" กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการอาหาร สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ให้ความสำคัญกับ "เวลา" และ "ประสิทธิภาพ" มากขึ้น แม้ "Fast Pass" อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับร้านอาหารทุกประเภท แต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี ในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมร้านอาหาร
ในอนาคต เราอาจได้เห็นบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่ผสานนวัตกรรม และเทคโนโลยี เข้ากับประสบการณ์การรับประทานอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารวิวสวย ร้านอาหารพร้อมดนตรีสด หรือร้านอาหารที่ผสานเทคโนโลยี AR/VR เข้ากับประสบการณ์การรับประทานอาหาร ล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น
ท้ายที่สุดแล้ว "Fast Pass" เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่าง ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของธุรกิจร้านอาหาร ในการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการ และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ "เวลา" มีค่ามากกว่า "คิว"
ที่มา yahoojp