‘Samsung Electronics’ ออกแถลงการณ์ขอโทษนักลงทุนสำหรับผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยยอมรับว่า ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำที่เคยครองตลาดอยู่ขณะนี้ กำลังเผชิญกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น หลังจากที่สูญเสียแนวทางของตนเองไป
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Samsung รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานเบื้องต้นในไตรมาสที่ 3/2567 ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นประมาณ 9.1 ล้านล้านวอน (6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) หรือประมาณ 2.26 แสนล้านบาท ลดลงมากถึง 12.8%
ส่วนรายได้ยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้เป็น 79 ล้านล้านวอน หรือราว 1.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 6.7% โดย Samsung จะจัดทำงบการเงินฉบับสมบูรณ์พร้อมรายได้สุทธิและรายละเอียดแผนกในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นี้
Jun Young-hyun หัวหน้าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์หลักคนล่าสุด ให้คำมั่นสัญญาว่า “จะปฏิรูปองค์กร” ซึ่งได้แถลงอย่างตรงไปตรงมา หลังจาก Samsung ได้เปิดเผยรายได้และกำไรที่แย่กว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ในเอกสารอีกฉบับยังสารภาพว่า บริษัทเกิดความล่าช้าในการส่งมอบชิปประเภทสำคัญที่ใช้สำหรับการฝึก AI กับโปรเซสเซอร์ของ ‘NVIDIA’ ทำให้ ‘SK Hynix’ สามารถครองตลาดหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงได้
‘SK Hynix’ ซัพพลายเออร์หลักของชิปความจำแบนด์วิดท์ของ NVIDIA กล่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า บริษัทได้เริ่มการผลิตชิป HBM3E แบบ 12 เลเยอร์จำนวนมาก ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ทันสมัยที่สุด ทำให้ยิ่งขยายช่องว่างทางเทคโนโลยีกับ Samsung ในกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีอัตรากำไรสูง
ในขณะที่ Samsung มีรายงานว่า ชิป HBM3E ของบริษัทยังไม่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติของ NVIDIA ซึ่งประเด็นนี้ Daniel Kim และ Jayden Son นักวิเคราะห์จาก Macquarie กล่าวว่า “การจู่โจม NVIDIA ด้วย HBM3E ที่ล่าช้า ทำให้เสียโอกาสทางการตลาดครั้งใหญ่ การเพิ่มผลผลิตเป็นความท้าทายอีกประการหนึ่ง แม้ว่าจะผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์แล้วก็ตาม”
นอกจากจะตามหลัง SK Hynix ในหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงแล้ว ความคืบหน้าในการผลิตชิปสั่งทำพิเศษแบบเอาท์ซอร์สของ Samsung ยังมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing หรือ ‘TSMC’ จากไต้หวัน
ในมุมของนักลงทุน นี่เป็นผลงานที่ ‘ต่ำกว่ามาตรฐาน’ ของ Samsung ซึ่งได้สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความเป็น ‘ผู้นำตลาด’ ที่ยาวนาน และการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับฮาร์ดแวร์ AI ที่ช่วยหนุนให้ SK Hynix และ Micron Technology เติบโต
ในขณะที่ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รายงานเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ความต้องการอุปกรณ์ AI จะช่วยเพิ่มรายได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ Jun มองว่า “Samsung จำเป็นต้องทบทวนวัฒนธรรมองค์กรและกระบวนการต่างๆ ของตน”
ทั้งนี้ ผู้บริหารของ Samsung ออกมาขอโทษสำหรับผลการดำเนินงานที่ตกต่ำ เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทได้ลดลงมากกว่า 20% จนถึงปีนี้ ซึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบปีที่ 59,500 วอน หรือประมาณ 1,480 บาทในการซื้อขายช่วงเที่ยงของวันจันทร์ที่ผ่านมา
“Samsung มีประวัติอันยาวนานและพิสูจน์แล้วในการเอาชนะอุปสรรคและเปลี่ยนอุปสรรคเหล่านั้นให้เป็นโอกาสสำคัญ แทนที่จะพึ่งพาโซลูชันในระยะสั้น เราจะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของเรา” Jun กล่าวในแถลงการณ์
ที่มา Bloomberg, Nikkei Asia, Financial Times