NOBLE ชี้แจงสร้างความมั่นใจ ให้กับทุกฝ่ายยืนยันว่า 3 โครงการคอนโดของบริษัทฯ บริเวณถนนรัชดา มีการก่อสร้างถูกต้องตาม กฏหมายทุกประการ
หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้างโครงการ แอชตัน อโศก ของบริษัท บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการก่ออสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างมาก โดยเฉพาะการก่อสร้างคอนโดมิเนียมริมเส้นทางรถไฟฟ้า ที่มีการระบุข้อมูลออกมาว่า หลายโครงการอาจมีลักษณะการใช้ที่ดินของรัฐ เช่น รฟม. รฟท หรือ กทพ. ซึ่งมีความกังวลว่าจะทำให้เกิดผลลัพธ์เหมือนกรณีแอชตัน อโศก หรือไม่?
วันนี้ (2 ส.ค.66) ผู้บริหารของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ออกมาชี้แจงเพื่อสร้างความชัดเจน และเรียกความเชื่อมั่นให้กับลูกบ้าน โดยเฉพาะ 3 โครงการคอนโดมิเนียม คือ โครงการ นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว และ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 1 และ 2 โดยทางคุณธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และคุณธีรพล วรนิธิพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า ปัจจุบันทั้ง 3 โครงการของบริษัท ไม่ได้ถูกร้องเรียนหรือฟ้องร้องใดๆทั้งสิ้น แต่มีผู้อยู่อาศัยร่วมแสดงความกังวลเข้ามาประมาณ 30 ราย ทางบริษัทจึงได้มีชี้แจงข้อมูล ยืนยันว่า ทุกโครงการก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ ดังนี้
1.โครงการ นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว
โครงการนี้ บริษัท โนเบิล ฯได้เข้าซื้อที่ดินพร้อมโอนใบอนุญาตให้ใช้ทางเข้าออกของ รฟม. จากเจ้าของที่ดินเดิม ในวันที่ 5 กันยายน 2560 โดยก่อนหน้านี้รฟม.ได้เวรคืนที่ดินบริเวณนี้จากเจ้าของเดิมตั้งแต่ 25 เม.ย. 2544 เพื่อสร้างอาคารจอดรถแล้วจรของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)] โดยที่ดินเดิมของโครงการฯ มีทางเข้า-ออกสู่ถนนสาธารณะ แต่ถูกเวนคืนโดย รฟม. ส่งผลให้ที่ดินที่เป็นที่ตั้งโครงการฯ ไม่มีทางเข้า-ออก ด้วยเหตุนี้ รฟม. จึงชอบที่จะอนุญาตให้ใช้ทางเข้า-ออกของอาคารจอดรถแล้วจรดังกล่าว เป็นทางเข้า-ออกของโครงการฯ ได้ เพื่อคงสิทธิในการใช้ทางเข้า-ออกสู่ถนนสาธารณะที่มีอยู่เดิมโดยชอบก่อนการเวนคืน โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา
ซึ่งการที่ รฟม. อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้วัตถุประสงค์ของการเวนคืนเดิมเสียไปและ รฟม. ยังคงใช้ที่ดินได้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนตามปกติ โดยอาคารจอดรถของ รฟม. ดังกล่าวได้เปิดใช้งานแก่ประชาชนทั่วไปตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
กรณีนี้จึงเห็นได้ชัดว่า รูปแบบการใช้งานเป็นไปตามวัตถุประสงค์เดิมทุกประการ ไม่ได้มีการดัดแปลงรูปแบบการใช้งานที่มีอยู่เดิม ย้ายตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแปลงความกว้างของทางเข้า-ออกแต่อย่างใด ทางเข้า - ออกของโครงการจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว
สำหรับ โครงการ นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว ขายไปแล้ว 80% ราว 1,600 ล้านบาท โดยจะมีการโอนในช่วงต้นปี 2567 นี้
2.โครงการ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2
ทั้ง 2 โครงการนี้ ได้ขออนุญาตก่อสร้าง โดยใช้ทางเข้า-ออก จากถนนรัชดาภิเษก ซอย 6 โดยที่ดินเดิมของโครงการฯ ได้ถูกเวนคืนโดย รฟม. บางส่วน เพื่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม อาคารจอดรถแล้วจร และลานจอดรถเพิ่มเติม ส่งผลให้ที่ดินโครงการฯ ไม่มีทางเข้าออก ด้วยเหตุนี้ รฟม. จึงชอบที่จะอนุญาตให้ใช้ที่ดินบางส่วน เพื่อวัตถุประสงค์ในการผ่านเข้า-ออกของโครงการฯ เพื่อคงสิทธิในการใช้ทางเข้า-ออกสู่ถนนสาธารณะที่มีอยู่เดิมโดยชอบก่อนการเวนคืน โดยไม่มีเงื่อนระยะเวลา
ซึ่งการที่ รฟม. อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ดังกล่าวเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมทุกประการ ไม่ได้มีการดัดแปลงรูปแบบการใช้งานที่มีอยู่เดิม ย้ายตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแปลงความกว้างของทางเข้า-ออกแต่อย่างใด เพราะแต่เดิม รฟม. ก็ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางเข้า-ออกของลานจอดรถอยู่แล้ว จึงสามารถกระทำได้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้นำที่ดินอีกส่วนหนึ่งของบริษัทฯ จดทะเบียนเป็นภาระจำยอม เพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออก ร่วมกันของโครงการ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ด้วย ดังนั้น ทางเข้า - ออกของโครงการจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว
สำหรับโครงการ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ขายหมดแล้ว 100 %
อย่างไรก็ตามจากกรณีปัญหาของโครงการ แอชตัน อโศก ยอมรับว่า ส่งผลกระทบในภาพรวมของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรา ทั้งจากผู้บริโภคที่ชะลอในการตัดสินใจซื้อโครงการคอนโดที่ติดกับรถไฟฟ้า รวมทั้งนักลงทุนต่างชาติอาจกิดความไม่เชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยเช่นกัน เพราะความคลุมเครือหลายอย่างในการตีความกฏหมาย ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องชี้แจงกฏระเบีบบต่างๆให้ชัดเจนและเร็วที่สุด
NOBLE ตั้งเป้ายอดขายปี 66 ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับที่ดินของ NOBLE ที่เตรียมพัฒนาโครงการ ผูู้บริหารยืนยันว่า ไม่เข้าข่ายมีปัญหาเรื่องที่ดินกับหน่วยงานรัฐแน่นอน ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2566 ผู้บริหารระบุว่า ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกขายแล้ว 8.4 พันล้านบาท ครึ่งปีหลังของปี 66 เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 1.83 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีโครงการคอนโดมิเนียมหรูขนาดใหญ่บนถนนวิทยุ THE EMBASSY AT WIRELESS ใกล้กับเซ็นทรัลแอมบาสซี มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ เตรียมเปิดขายในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่าจะเป็นโครงการที่ช่วยผลักดันยอดขายในปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
VDO ที่เกี่ยวข้อง กรณีแอชตัน อโศก