โดยการจัดส่งเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 12.4% จากปีก่อนหน้า เทียบกับการเติบโต 9% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์โดยสำนักงานศุลกากร ส่วนการส่งออกทั่วไปเพิ่มขึ้น 5.1% ในขณะที่การนำเข้าโดยรวมลดลง 7.5% ส่งผลให้เกินดุลการค้าที่ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 294,000 ล้านบาท มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020
การค้าขายเป็นกลไกสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ และเทคโนโลยีเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมการส่งออกของประเทศ โดยเซมิคอนดักเตอร์และแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ ทำให้เกิดการขยายตัวในการจัดส่งเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากความต้องการทั่วโลกของ AI และรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
โดยกระทรวงการค้าระบุในแถลงการณ์ว่า มูลค่าการจัดส่งเซมิคอนดักเตอร์มีมูลค่า 13,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 492,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อนหน้าในเดือนมิถุนายน ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์ดิสเพลย์เพิ่มขึ้น 26% และคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น 59% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดขายอุปกรณ์สื่อสารไร้สายเพิ่มขึ้นเพียง 3.9%
ส่วนความต้องการจากตลาดสหรัฐอเมริกาส่งผลให้การส่งออกเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้าในเดือนมิถุนายน ในขณะที่ยอดขายในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเพียง 1.8% ถือเป็นการเติบโตเป็นเดือนที่สี่ ในช่วงเวลาที่จีนกำลังดิ้นรนเพื่อฟื้นโมเมนตัมทางเศรษฐกิจจากวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังตกต่ำ ซึ่งกิจกรรมในภาคโรงงานของจีนยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน จากข้อมูลผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทางการของจีน
Austin Chang ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และคาดการณ์ของสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีกล่าวว่า “นับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2020 นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดการเกินดุลการค้าครั้งใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ อาจทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ค่าเงินท้องถิ่นที่อ่อนค่าลงกำลังบังคับให้ผู้นำเข้าลดการซื้อจากต่างประเทศ”
ส่วนอีกหนึ่งผลสำรวจที่สภาอุตสาหกรรมเกาหลี รายงานว่า บริษัทในเกาหลีใต้มีเสถียรภาพในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ถือเป็นวัตถุประสงค์นโยบายที่สำคัญที่สุดจากมุมมองของพวกเขา ซึ่งระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1,332 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นระดับที่พวกเขาต้องการ ซึ่งในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา อัตราแลกเปลี่ยนเงินวอนอยู่ที่ประมาณ 1,378 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้าน Robert Carnell นักเศรษฐศาสตร์ของ ING กล่าวว่า “การส่งออกจะยังคงเป็นปัจจัยของการเติบโตโดยรวมในไตรมาสปัจจุบัน แต่การนำเข้าที่ลดลงมากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตภายในประเทศ” ซึ่งตรงกับผลสำรวจที่เผยว่า เกือบสองในสามของบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้คาดว่า การส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
ถึงแม้แนวโน้มการส่งออกยังคงสดใส แต่เกาหลีใต้อาจเผชิญกับความเสี่ยงของราคาสินค้าในจีนที่ถูก หากจีนลดราคาสินค้าแบบกระหน่ำเพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจของประเทศ และขณะเดียวกัน ธุรกิจของเกาหลีใต้อาจต้องต่อสู้กับมาตรการกีดกันและการปกป้องทางการค้า และมาตรการจูงใจทางภาษีที่น้อยลงในสหรัฐฯ หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชิงตำแหน่งทำเนียบขาวในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนในระยะยาว
ทั้งนี้ เกาหลีใต้กำลังเปิดตัวข้อเสนอชุดใหญ่เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมในท้องถิ่นที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า เพื่อผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง และด้วยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น ประเทศจึงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความยืดหยุ่นของซัพพลายเชน เพื่อสร้างกันชนจากการหยุดชะงักที่ไม่คาดคิดต่อการค้าโลก
นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนให้ผู้ส่งออกกระจายเส้นทางการขายของตนด้วย เนื่องจากผู้ส่งออกของเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ส่งออกที่ต้องพึ่งพาจีนมากที่สุด ในช่วงเวลาที่จีนกำลังดิ้นรนเพื่อฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และยังพยายามที่จะให้แน่ใจว่าอุตสาหกรรมในประเทศของตนสามารถดำรงชีพได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้า
ในขณะที่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกของเกาหลีใต้ รวมถึง Samsung Electronics Co. เนื่องจากบริษัทอเมริกัน เช่น NVIDIA ได้เพิ่มคำสั่งซื้อ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าเกาหลีใต้ของสหรัฐฯ ที่ได้แซงหน้าความต้องการของจีนไปแล้ว กลายเป็นจุดเปลี่ยนในความสัมพันธ์ทางการค้าของเกาหลีใต้กับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 2 ราย
ถึงแม้ว่าเกาหลีใต้จะส่งออกไปยังจีนน้อยลง แต่การพึ่งพาการนำเข้าจากจีนยังคงสูง ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเกาหลีใต้ที่จะลดการพึ่งพาจีนในซัพพลายเชนการผลิต ตามที่ Jin-Wook Kim และ Jiuk Choi นักเศรษฐศาสตร์ของ Citigroup กล่าว
ที่มา Bloomberg