KitKat เกาะกระแสการตลาดจากวิกฤต CrowdStrike คิดแคมเปญอย่างสร้างสรรค์

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การฉวยโอกาสและสร้างความแตกต่างถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ KitKat ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้ real-time marketing อย่างชาญฉลาด เมื่อเหตุการณ์ขัดข้องของ CrowdStrike ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก KitKat ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างแคมเปญที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างมาก มาดูกันว่าพวกเขาทำได้อย่างไรและเราสามารถเรียนรู้อะไรจากกรณีศึกษานี้

KitKat เกาะกระแสการตลาดจากวิกฤต CrowdStrike คิดแคมเปญอย่างสร้างสรรค์

KitKat ฉวยเหตุการณ์ขัดข้องของผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ CrowdStrike ที่ทำให้เกิดปัญหา "จอฟ้า" หรือ Blue Screen of Death (BSoD) ในระบบปฏิบัติการ Windows อย่างกว้างขวาง สร้างความปั่นป่วนและความเสียหายให้กับองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ทั้งธนาคาร สายการบิน และสถานีโทรทัศน์

หาโอกาสทางการตลาดจากเหตุขัดข้องของ CrowdStrike อย่างสร้างสรรค์

KitKat ไม่รอช้าที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างแคมเปญ real-time marketing ที่เฉียบคมและสร้างสรรค์ โพสต์ภาพโฆษณาบน Facebook ที่แสดงภาพช็อกโกแลต KitKat แทนที่หน้าจอสีฟ้า พร้อมข้อความเชิงสร้างสรรค์ "You deserve a much-needed restart too. Have a break, have a KitKat." ซึ่งเปรียบเทียบการพักผ่อนและเติมพลังด้วย KitKat เสมือนการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์หลังจากพบปัญหา

ทำไมแคมเปญนี้ถึงโดดเด่นและประสบความสำเร็จ?

เนื่องจากทาง KitKat เลือกใช้เหตุการณ์ที่กำลังเป็นกระแสและส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก ทำให้โฆษณามีความเกี่ยวข้องและดึงดูดความสนใจได้ทันที นอกจากนี้การใช้ภาพช็อกโกแลตสีแดงที่เป็นสีประจำของทาง KitKat แทนที่หน้าจอสีฟ้า พร้อมข้อความที่เปรียบเทียบการกิน KitKat กับการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้โฆษณาแตกต่างและน่าจดจำ อีกทั้งการที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แบรนด์ดูทันสมัยและเข้าใจสถานการณ์ บวกกับโฆษณามีอารมณ์ขันเล็กๆ ที่ช่วยลดความตึงเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นโฆษณา

ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ

แคมเปญนี้ไม่เพียงแต่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้งาน Facebook เท่านั้น แต่ยังสร้างกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว มีคนแชร์และพูดถึงโฆษณานี้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ KitKat ได้รับความสนใจและการรับรู้ในวงกว้างขึ้น ยอด Engagement บนโพสต์ Facebook ของ KitKat พุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ของการกดไลก์ คอมเมนต์ และการแชร์ นอกจากนี้ แบรนด์ยังได้รับการกล่าวถึงในสื่อต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

ที่สำคัญที่สุดคือ แคมเปญนี้ไม่เพียงแต่สร้างการรับรู้ในวงกว้าง แต่ยังส่งผลต่อยอดขายของ KitKat อีกด้วย มีรายงานว่ายอดขาย KitKat เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาที่แคมเปญนี้ดำเนินอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพของ real-time marketing ในการกระตุ้นยอดขายและสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ

จากกรณีศึกษาของ KitKat เราได้เห็นพลังของ real-time marketing ที่สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสทางธุรกิจได้อย่างน่าทึ่ง ความรวดเร็ว ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจในสถานการณ์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นี่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจทุกคน ที่ต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดคิด เพื่อสร้างความแตกต่างและนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัลนี้