ธุรกิจการตลาด

Nike ดึง Elliott Hill คัมแบ็กนั่ง CEO ทำหุ้นพุ่ง 8% กว่า 3 แสนล้านบาท

20 ก.ย. 67
Nike ดึง Elliott Hill คัมแบ็กนั่ง CEO ทำหุ้นพุ่ง 8% กว่า 3 แสนล้านบาท

ไนกี้สร้างความฮือฮาในตลาดหุ้นอีกครั้ง! ด้วยการแต่งตั้ง Elliott Hill อดีตผู้บริหารมากประสบการณ์ กลับมานั่งเก้าอี้ CEO หวังใช้สปิริตเก๋าพลิกฟื้นยอดขายที่กำลังชะลอตัว ข่าวนี้ส่งผลให้มูลค่าหุ้นไนกี้พุ่งขึ้นกว่า 8% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อผู้นำคนใหม่

Nike ดึง Elliott Hill คัมแบ็กนั่ง CEO ทำหุ้นพุ่ง 8% กว่า 3 แสนล้านบาท

Nike ดึง Elliott Hill คัมแบ็กนั่ง CEO ทำหุ้นพุ่ง 8% กว่า 3 แสนล้านบาท

ไนกี้ประกาศแต่งตั้ง 'Elliott Hill' อดีตผู้บริหารระดับสูง กลับมารับตำแหน่งประธานและซีอีโอ แทนที่ ' John Donahoe' โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายและรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ข่าวนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น 8% สำหรับมูลค่าตลาดหุ้นของไนกี้เพิ่มขึ้น 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 364,650 ล้านบาท ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

Hill เคยร่วมงานกับไนกี้เป็นเวลากว่า 32 ปี และดำรงตำแหน่งผู้นำในภูมิภาคยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งเขาได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตจนมีมูลค่าสูงกว่า 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ เขาเคยดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายตลาดผู้บริโภคของไนกี้ รับผิดชอบดูแลการดำเนินงานเชิงพาณิชย์และการตลาดทั้งหมดของแบรนด์ Nike และ Jordan ก่อนจะเกษียณอายุในปี 2020

ไนกี้ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลว่า Hill จะได้รับเงินเดือนประจำปี 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะประธานและซีอีโอ โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งซีอีโออย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ด้านนักวิเคราะห์ต่างแสดงความเห็นในเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้Jessica Ramirez จาก Jane Hali & Associates กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงซีอีโอครั้งนี้ส่งสัญญาณเชิงบวก เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจในแบรนด์และบริษัทเป็นอย่างดี"

ไนกี้ดึง 'Elliott Hill' คัมแบ็ค หวังสปิริตเก๋าปั้นยอดขายทะลุเป้า

นาย Donahoe ได้รับมอบหมายให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางออนไลน์ของไนกี้ และผลักดันยอดขายผ่านช่องทางขายตรงถึงผู้บริโภค โดยในช่วงแรก กลยุทธ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อความต้องการสินค้ากีฬาและชุดลำลองที่เพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดใหญ่ ส่งผลให้ไนกี้บรรลุยอดขายประจำปีทะลุ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในปีงบประมาณ 2023

อย่างไรก็ตาม จากการประมาณการของ LSEG ยอดขายของไนกี้กำลังเผชิญแรงกดดัน และการเติบโตก็ชะลอตัวลง คาดว่ายอดขายประจำปีของไนกี้จะลดลงเหลือ 48,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2025 เนื่องจากผู้บริโภคที่กังวลเรื่องเงินเฟ้อลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง และตลาดในจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ การขาดผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและน่าสนใจก็ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าของไนกี้ในช่วงที่ผ่านมา แบรนด์คู่แข่งอย่าง On ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Roger Federer และ Hoka ของเดกเกอร์ส กำลังดึงดูดลูกค้าและพันธมิตรค้าปลีกด้วยรองเท้าผ้าใบที่ถือว่าทันสมัยและเป็นที่นิยมมากกว่า

ความคาดหวังในการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงเพิ่มขึ้นหลังจากที่นักลงทุนมหาเศรษฐี William Ackman เปิดเผยว่าเขาได้เข้าถือหุ้นในไนกี้ บุคคลที่เกี่ยวข้องกล่าวว่า Pershing Square Capital Management ของเขายังคงซื้อหุ้นไนกี้อย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันเป็นเจ้าของหุ้น 16.3 ล้านหุ้น นาย Ackman ยังไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ในขณะนี้

Nike เดินเกมเร็ว ปลด CEO หวังดึงคนในพลิกสถานการณ์

Nike ดึง Elliott Hill คัมแบ็กนั่ง CEO ทำหุ้นพุ่ง 8% กว่า 3 แสนล้านบาท

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ Ackman เปิดเผยว่า Hill เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่จะมาแทนที่ Donahoe แม้ Ackman จะประกาศการถือครองหุ้น Nike ผ่านเอกสารสาธารณะ แต่ก็ไม่ได้มีการติดต่อกับบริษัทโดยตรง

ในระยะเวลาอันใกล้นี้ คณะกรรมการบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างน้อยสองแห่งได้มีมติปลดผู้บริหารระดับสูงก่อนที่นักลงทุนนักเคลื่อนไหวจะเข้ามากดดัน

ประสบการณ์ของ Hill ในฐานะอดีตผู้ดูแลแบรนด์ Jordan อันทรงคุณค่าของ Nike ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรที่สำคัญของบริษัท อาจช่วยให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องกีฬาสามารถกลับมาสร้างแรงขับเคลื่อนในการเติบโตได้อีกครั้ง มูลค่าของรองเท้า Jordan บางรุ่นในปี 2023 ได้ลดลงในตลาดขายต่อ ในขณะที่แบรนด์รองเท้าผ้าใบอื่น ๆ เช่น On Running กลับมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Nike ได้ลดความร่วมมือกับร้านค้าปลีกและมุ่งมั่นที่จะดำเนินแผนการเพิ่มยอดขายผ่านร้านค้าและเว็บไซต์ของตนเอง อย่างไรก็ตาม ยอดขายเหล่านี้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทำให้บริษัทต้องแสวงหาแนวทางในการลดต้นทุน 2 พันล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาสามปี

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว Nike ได้ดำเนินการลดจำนวนพนักงาน ลดปริมาณการผลิตของรองเท้ารุ่นคลาสสิก เช่น Air Force 1 และพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มอัตรากำไร

David Swartz นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Morningstar Research ให้ความเห็นว่า "ดูเหมือน Nike ต้องการดึงบุคคลที่มีประสบการณ์สูง" และ "มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ Nike และปัญหาต่าง ๆ กลับมา - ไม่เหมือนกับ John Donahoe ที่เข้ามาบริหารโดยปราศจากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้"

หลังประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ มูลค่าตลาด Nike พุ่ง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์

Swartz เสริมว่า ฮิลล์จะต้อง "ทุ่มเทในการฟื้นฟูความสัมพันธ์" ระหว่างไนกี้กับคู่ค้ารายย่อยที่รับซื้อรองเท้าไนกี้ไปขายต่อ "หลายปีที่ผ่านมา ไนกี้ได้ลดจำนวนคู่ค้าและสินค้าลง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับร้านค้าปลีกรองเท้า"

Thomas Hayes ประธานบริษัท Great Hill Capital กล่าวว่า Hill คือ "ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม" และเสริมว่าตอนนี้ไนกี้จำเป็นต้อง "สร้างสรรค์นวัตกรรมและฟื้นฟูความสัมพันธ์กับผู้ค้าส่ง" ทั้งนี้ Great Hill Capital ไม่ได้ถือครองหุ้นในไนกี้ โดย Hill เกิดที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับไนกี้ในตำแหน่งผู้ช่วยที่โชว์รูมในเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นพนักงานขายอย่างรวดเร็ว โดยทำงานที่สำนักงานในดัลลัสและติดต่อกับร้านค้ากีฬาขนาดเล็ก

"ผมมีตัวอย่างสินค้าติดตัวไปด้วย ผมจะโทรนัดหมาย แล้วไปที่ร้านค้ากีฬาเพื่อนำเสนอสินค้า" ฮิลล์กล่าวในการให้สัมภาษณ์พอดแคสต์เมื่อเดือนธันวาคม 2023 "ผมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้คนเหล่านั้น และยังคงติดต่อกับผู้ค้าปลีกบางรายจนถึงทุกวันนี้" ในที่สุดเขาก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของไนกี้ มูลค่าตลาดหุ้นของไนกี้เพิ่มขึ้น 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 364,650 ล้านบาท ในการซื้อขายนอกเวลาทำการเมื่อวันพฤหัสบดีหลังจากการประกาศแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่

ความเชื่อมั่น Nike อาจกลับมาอีกครั้ง

การกลับมาของ Elliott Hill อดีตผู้บริหารผู้มากประสบการณ์ในฐานะ CEO คนใหม่ของ Nike ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความสามารถของเขาที่จะนำพาบริษัทฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ทั้งนี้ การแต่งตั้ง Hill มีขึ้นในช่วงเวลาที่ Nike กำลังเผชิญกับภาวะยอดขายชะลอตัว อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น เงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ตลาดในจีนที่ฟื้นตัวช้า และการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์คู่แข่ง

Hill ซึ่งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธุรกิจและวัฒนธรรมของ Nike ได้รับความคาดหวังว่าจะสามารถฟื้นฟูการเติบโตของบริษัทได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการปรับปรุงความสัมพันธ์กับคู่ค้า นอกจากนี้ เขายังต้องรับมือกับความท้าทายในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ Nike สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสินค้ากีฬาต่อไปได้

ที่มา Reuters

advertisement

SPOTLIGHT