บรรดาเม่าบิตคอยน์ ใกล้ได้ลงดอยกันมากขึ้นแล้ว หลังราคาบิตคอยน์ทะลุแนวต้าน 45,000 ดอลลาร์/BTC สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ลุ้นฟังข่าวดีก.ล.ต. สหรัฐ อนุมัติกอง ETF บิตคอยน์ ก่อนเดดไลน์วันที่ 10 ม.ค. แต่เมื่อผลออกมา ทิศทางตลาดจะเป็นอย่างไร เตรียมพุ่งต่อหรือแค่ล่อเม่ามาเชือด?
ราคาบิตคอยน์ช่วงเช้าของวันนี้ (2 ม.ค. 24) พุ่งขึ้นกว่า 7% ในรอบ 24 ชม. ที่ผ่านมา และพุ่งขึ้นกว่า 170% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ยืนเหนือ 45,000 ดอลลาร์/BTC ตลอดช่วงเช้าของวันนี้ หลังรักษาโมเมนตัมบวกตลอดรอบเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากใกล้จะถึงช่วงชี้ชะตาในวันที่ 10 มกราคม ของกอง Spot ETF ของบิตคอยน์จากสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายเจ้า ที่ได้ยื่นต่อก.ล.ต. สหรัฐรวมกว่า 14 กอง ว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ และจะเป็นเจ้าใดบ้าง
โดยท่าทีของก.ล.ต.สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างเป็นไปในทางบวก ตลาดจึงให้น้ำหนักอย่างมากว่าอาจจะได้เห็นไฟเขียว ซึ่งจะส่งผลให้มีเงินทุนสถาบันจำนวนมหาศาลไหลเข้ามาในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี หนุนให้ราคาบิตคอยน์อยู่เหนือ 40,000 ดอลลาร์/BTC ได้เกือบทั้งเดือน ธ.ค. ปี 2023
แต่หลังจากผลการอนุมัติออกแล้ว ตลาดจะเป็นอย่างไรต่อไป? 5 สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตา รับการมาของ ETF บิตคอยน์มีดังนี้
ในภาวะตลาดหมี ความคึกคักของภาพรวมตลาดจะหดหาย เงินที่เหลืออยู่ในตลาดส่วนใหญ่จะไหลมากองที่บิตคอยน์ แต่เมื่อตลาดเริ่มกลับมาร้อนแรง และมีท่าที่ว่าจะพลิกกลับเป็นตลาดกระทิง เงินก็จะเริ่มกระจายออกไปยัง ‘Alt Coin’ หรือเหรียญอื่นๆ ที่มี Market Cap น้อยกว่า โดยจะสะท้อนออกมาผ่าน ‘Bitcoin Dominance’ หรือหรือสัดส่วน Market Cap ของบิตคอยน์ เทียบ Market Cap ของทั้งตลาด ซึ่งค่อยๆ มีภาพรวมลดลงตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีนัยยะว่า ขาขึ้นของวัฏจักรกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
แม้ทิศทางราคาบิตคอยน์จะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ตลาดยังลุ้นข่าว ETF แต่ในโมเมนต์ที่ผลการอนุมัติออกมาแล้วนั้น ตลาดมีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นต่อเนื่อง รับเม็ดเงินสถาบันและจากนักลงทุนรายย่อยที่จะไหลเข้ามาลงทุนในกอง ETF บิตคอยน์ หรืออาจจะหันหัวกลับดิ่งเหวจากแรงเทขายของนักลงทุนได้ โดยกูรูในวงการคริปโทคาดว่า อาจค่อยๆ เกิดการปรับฐานสู่ระดับ 36,000 ดอลลาร์/BTC หรืออาจร่วงแรงจนต่ำถึง 12,000 ดอลลาร์ ในระยะกลางก็เป็นได้
แต่ฝ่ายกูรูที่มองโลกในแง่บวกก็มองว่า หลังวันที่อนุมัตินั้น ราคาบิตคอยน์ก็มีโอกาสพุ่งไปถึง 54,000 ดอลลาร์ ได้เลยที่เดียว
แม้ในช่วงนี้ จะมีทั้งข่าวลุ้นผลอนุมัติ ETF บิตคอยน์ รวมถึงการ Halving ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 นี้ แต่โลกของเราก็ยังมีปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคระดับโลกรออยู่ ทั้งท่าทีการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ที่ยังคงต้องจับตาว่าจะเป็นไปในทิศทางใน โดยข้อมูลจาก FedWatch Tool จาก CME Group เผยว่า การปรับดอกเบี้ยรอบล่าสุดที่จะมาถึงในช่วงสิ้นเดือนนี้นั้น น่าจะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ย มากกว่าการลดดอกเบี้ย โดยจะคงไว้จนถึงเดือนมีนาคม และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมาถึงในช่วงปลายปีนี้ อาจมีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะประกาศลดดอกเบี้ย จากสถิติของการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา
แต่ในอีกฟากหนึ่ง ทางฝั่ง IMF และ World Bank ก็ได้มีมติในที่ประชุมที่เมืองมาราเกช ประเทศโมร็อคโคเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า อยากให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งผลการปรับเพิ่มหรือลดดอกเบี้ยนโยบายนี้ จะส่งผลต่อตลาดทุนเสมอ และยังส่งผลกระทบมายังตลาดคริปโทเคอร์เรนซีด้วย ทำให้ตลาดมีโอกาสจะไม่คึกคักเท่าที่ควร
ในช่วงที่ตลาดก้าวเข้าสู่ปี 2024 ปัจจัยพื้นฐานสำคัญของบิตคอยน์ อย่าง “ค่าความยากในการขุด Bitcoin” (Mining Difficulty) สะท้อนให้เห็นว่า นักขุดเหรียญแข่งขันกันขุดบิตคอยน์มากแค่ไหน เพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาบรรดานักขุดได้รับค่าธรรมเนียมมากขึ้นจากธุรกิจกรรมที่มากขึ้นในโลกบิตคอยน์ โดยพุ่งสูงสุดถึง 1,500 BTC ในวันที่ 16 ธ.ค. สะท้อนความคึกคักในการทำธุรกรรมของผู้ถือบิตคอยน์
นอกจากนี้ Bitcoin Halving ที่กำลังจะมาถึงก็ส่งผลกระทบต่อนักขุดโดยตรง ซึ่งบรรดานักขุดได้เริ่มทยอยขายทำกำไรบิตคอยน์เพื่อถือเงินสด โดยข้อมูลจาก Glassnode เผยว่า ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนบิตคอยน์ในวอลเล็ตของฝั่งนักขุดนั้นลดลงไปแล้วกว่า 12,000 BTC
หนึ่งตัวชี้วัดที่สะท้อนบรรยากาศของตลาดคริปโท คือ ‘Crypto Fear & Greed Index’ ที่จะสะท้อนความรู้สึกของนักลงทุนว่า มีท่าที ‘กล้า’ หรือ ‘กลัว’ ต่อตลาดคริปโทในตอนนี้ โดยขณะนี้ ระดับชี้ไปที่ ‘Greed’ หรือพร้อมลุย แต่ภาพรวมตลาด ยังนับว่า มีท่าที “ค่อนข้างระมัดระวัง” โดยดัชนี Fear and Greed Index อยู่ที่ระดับ 71/100 ซึ่งค่อนข้างไวต่อการเปลี่ยนแปลงราคาไม่น้อย โดยถ้า Fear and Greed Index พุ่งไปสู่ระดับ ‘Extreme Greed’ นั่นหมายความว่า นักลงทุนกล้าลุยแบบสุดๆ จากสถาพตลาดที่สดใส แต่ก็เป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานจากนั้น ตลาดจะเริ่มชะลอความร้อนแรงลง
หากย้อนไปในช่วงที่ราคาบิตคอยน์พุ่งทำ All-time high ในปี 2021 จะพบว่า ระดับ Crypto Fear & Greed Index จะอยู่ที่ 75/100 สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดในปัจจุบันยังคึกคักกว่านี้ได้อยู่
ที่มา : CoinTelegraph, CoinMarketCap