สินทรัพย์ดิจิทัล

5 เหตุผลที่ตลาดคริปโตยังคงน่าสนใจสำหรับการจัดพอร์ต

21 ก.ค. 67
5 เหตุผลที่ตลาดคริปโตยังคงน่าสนใจสำหรับการจัดพอร์ต

หลังจาก Bitcoin สร้างจุดสูงสุดใหม่ในเดือนมีนาคม ตลาดคริปโตในภาพรวมได้กลับมาเป็นแนวโน้มเคลื่อนไหวไร้ทิศทางมาตลอดทั้งไตรมาสสอง แต่หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ไตรมาสที่สาม เริ่มที่จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดบ้างแล้ว โดยมี 5 เหตุผลที่ได้เวลาเริ่มต้นเข้าลงทุนใน Bitcoin และตลาดคริปโต

ข้อแรก..เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวของนโยบายการเงินสหรัฐฯ

การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนมิถุนายนล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาดแต่ประเด็นที่น่าสนใจคือการที่เงินเฟ้อเดือนต่อเดือนออกมาติดลบเป็นครั้งแรก ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าอย่างหนักและ FED Watch Tool ชี้ชัดว่านักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนในอัตราความน่าจะเป็นถึง 80%

ถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐฯลดดอกเบี้ยจะทำให้มีสภาพคล่องบางส่วนไหลออกมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นรวมถึง Bitcoin ด้วย รวมถึง Bitcoin ยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนมองว่าสามารถป้องกันความเสี่ยงจากการด้อยค่าลงของเงิน Fiat ได้ นีจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการกลับตัวเป็นขาขึ้นของ Bitcoin มากที่สุด

ข้อสอง..ดัชนี Fear And Greed Index เข้าสู่จุดต่ำสุด

ดัชนี Fear And Greed Index ที่รวบรวมสถิติต่างๆในตลาดคริปโตอย่างเช่นวอลลุ่มการซื้อขาย จำนวนการเปิดสถานะในตราสารอนุพันธ์ รวมถึงความคิดเห็นต่างๆในโลกออนไลน์ ลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบหนึ่งปีครึ่งที่ 26 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับการเกิดวิกฤติต่างๆในโลกคริปโตอย่างเช่นการล่มสลายของ FTX และสถิติหลังจากนั้นราคา Bitcoin จะกลับตัวเป็นขาขึ้นทุกครั้ง

การเข้าลงทุนในช่วงนี้จึงเข้ากับหลักการลงทุนที่เป็นอมตะอย่างประโยคที่ว่า “จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัวและจงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า”

ข้อสาม..นโยบายสนับสนุนคริปโตจากฝั่งสหรัฐฯ

นโยบายการคุมเข้มคริปโตของทาง ก.ล.ต.สหรัฐฯเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันตลาดคริปโตมาตลอดสองปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการไล่ฟ้องบริษัทด้านคริปโตและการใช้กฎหมายหลักทรัพย์ที่เข้มงวดเข้ามากำกับคริปโต แต่ช่วงหลังมานี้ท่าทีของ ก.ล.ต.สหรัฐฯเริ่มเปลี่ยนไปในเชิงบวกต่อคริปโต ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติขั้นแรกใน Spot Ethereum ETF จากเดิมที่คาดว่าจะต้องใช้เวลานานกลับกลายเป็นใกล้ที่จะได้เข้าซื้อขายในเร็วๆนี้

รวมถึงผู้สมัครท้าชิงประธานธิบดีสหรัฐฯทั้งสองพรรคโดยเฉพาะโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังมีคะแนนนำต่างชูนโยบายสนับสนุนคริปโตเพื่อหวังดึงคะแนนเสียง นอกจากนี้กฎหมายที่ควบคุมคริปโตโดยเฉพาะอย่าง FIT21 กำลังอยู่ในชั้นตอนการพิจารณาขอส.ว.สหรัฐฯและเตรียมส่งให้สภาครองเกรสพิจารณา โดยรวมแล้วถือเป็นปัจจัยบวกที่อาจทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตสหรัฐฯ

คริปโท

ข้อสี่..ปัจจัยลบที่ค่อยๆคลี่คลาย

ปัจจัยลบที่กดดันตลาดคริปโตในช่วงที่ผ่านมาอย่างการเทขาย Bitcoin ของรัฐบาลเยอรมัน การคืน Bitcoin ให้กับเจ้าหนี้ของ Mt.Gox ได้คลี่คลายลงไป ประกอบกับสภาพคล่องการซื้อขายในตลาดที่กลับมาได้ระยะหนึ่งช่วยให้สถานะการเงินของผู้ให้บริการซื้อขายหรือ Exchange รวมถึงแพลตฟอร์มต่างๆอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง โอกาสที่จะเห็นการล้มละลายของบริษัทคริปโตอย่างในช่วงสามปีก่อนเป็นไปได้น้อยมาก จึงยังไม่เห็นว่าจะมีปัจจัยลบที่จะทำให้ตลาดเสียแนวโน้มขาขึ้น ยกเว้นแต่จะเกิด Blackswan ที่คาดไม่ถึง

ข้อห้า..กราฟเทคนิคยืนยันว่าขาขึ้นยังคงอยู่

ราคา Bitcoin ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 53,000 ดอลลาร์ เป็นการปรับตัวลงมาเกือบ 30% จากจุดสูงสุดซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในตลาดขาขึ้นที่จะต้องมีการปรับฐานในช่วงราคาดังกล่าว ล่าสุด ณ วันที่เขียนบทความคือวันที่ 15 กรกฎาคม ราคา Bitcoin กลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน รวมถึงต้นทุนของนักเทรดระยะสั้นทั้งหมด

โดยหากราคา Bitcoin ยังสามารถยืนเหนือระดับ 48,000 ดอลลาร์ ได้ยังถือว่ายังอยู่ในแนวโน้มของการเป็นขาขึ้นที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ ถ้าหลุดจากระดับดังกล่าวถึงจะพิจารณาชะลอการลงทุน

สำหรับนักลงทุนระยะยาวจังหวะเวลานี้พอที่จะเริ่มเข้าลงทุนได้ด้วยวิธีการเฉลี่ยเข้าซื้อในหลายราคาดูจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมและจะต้องป้องกันความเสี่ยงตัวเองและบริหารเงินในพอร์ตควบคู่กันไปด้วย

หมายเหตุ บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ด้วยมุมมองที่หลากหลาย ไม่ได้เป็นคำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างไร

นเรศ เหล่าพรรณราย

นเรศ เหล่าพรรณราย

ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ บริษัท เมตาที จำกัด และ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT