"น้ำมัน-ทอง" ขึ้นไม่หยุด! ทะลุ 100 เหรียญไปไกลอีกรอบ
น้ำมัน-ทองคำ ทำราคาพุ่งไม่หยุด หลังเจรจารัสเซีย-ยูเครน ไม่คืบหน้า ขณะที่สหรัฐเจอเงินเฟ้อแรงสุดในรอบ 40 ปี!
เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลงจน "ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์" มาได้เพียงไม่นาน ล่าสุด ราคาน้ำมันโลกได้พุ่งทะยานกลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วง 2 วัน ระหว่างวันที่ 12 - 13 เม.ย. ที่ราคาพุ่งขึ้นถึงวันละ 6% และ 4% ตามลำดับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส สหรัฐ (WTI) งวดส่งมอบเดือน พ.ค. พุ่งขึ้น 3.65 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 104.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) งวดส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 4.14 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 108.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันโลกที่กลับมาพุ่งขึ้นแรง มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวว่า การบุกโจมตีของรัสเซียในยูเครนจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และยืนยันว่าการรบจะดำเนินการไปตามแผน ทำให้ตลาดกังวลว่าจะกระทบต่อซัพพลายน้ำมันโลกไปด้วย โดยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ รัสเซียเพิ่งเปิดเผยว่า กำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซของรัสเซียได้ลดลงเหลือวันละไม่ถึง 10 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
ด้านราคาทองคำนั้น ราคาทอง Spot ปรับตัวขึ้น 0.6% ไปอยู่ที่ $1,978.21 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยระหว่างการซื้อขายยังได้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ 1,981.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้วย
ขณะที่ราคาทองฟิวเจอร์สหรัฐนั้น สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ (COMEX) งวดส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 0.4% สู่ระดับ 1,984.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าไปซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งจากความเสี่ยงเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูง และจากความเสี่ยงสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากสงครามยูเครนยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง หลังประธานาธิบดีปูติน ยืนยันว่าจะบุกโจมตียูเครนต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลดลง หลังสหรัฐดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือดัชนีเงินเฟ้อ เดือน มี.ค. ซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% หรือสูงสุดในรอบ 40 ปี
