Fed ส่งสัญญาณปีหน้า 'เงินเฟ้อยังสูง เศรษฐกิจแย่ลง ดอกเบี้ยขาขึ้นต่อ' ฉุดตลาดหุ้นลดลงทั่วโลก ขณะทองในประเทศลดลง 100 บาท
เป็นไปตามความคาดหมายเมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการผ่อนคันเร่งลงหลังจากที่ขึ้นมา 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้งก่อนหน้านี้
นับเป็นการปิดฉากการประชุมดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปี 2022 รวมแล้วปีนี้ขึ้นดอกเบี้ยไปทั้งหมด 7 ครั้ง คิดเป็น 4.25% ทำให้ดอกเบี้ยสหรัฐจากช่วงต้นปีที่ระดับ 0.25-0.50% ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.25-4.50% ในปัจจุบัน ซึ่งยังถือเป็นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ "สูงที่สุดในรอบ 15 ปี" อีกด้วย
แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายจับตามองที่สุดก็คือ รายงานคาดการณ์ดอกเบี้ย (Dot Plot) และการแถลงของ "เจอโรม พาวเวลล์" ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณปีหน้า 2023 ว่า "เศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นอย่างไร เงินเฟ้อจะขึ้นสูงแค่ไหน และสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเท่าไร"
บทวิเคราะห์จาก Innovest X Securities ได้สรุปการประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า "มีจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น" คือ "เฟดเริ่มพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจมากขึ้น" จากเดิมที่มุ่งแต่เรื่องการคุมเงินเฟ้อเป็นหลัก โดยต้องสรุปตัวเลขประมาณก่อนดังนี้
Innovest X ระบุว่า ประมาณการเศรษฐกิจปี 2023 และ Dot plot ใหม่ บ่งชี้ว่า "เฟดเอาจริงในการคุมเงินเฟ้อ แต่เริ่มพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจมากขึ้น" โดยเฟดปรับลด GDP ลงอย่างมีนัยสำคัญ และกรรมการ FOMC บางรายยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจถดถอย (Recession) ได้ตั้งแต่ -0.1% ถึง -0.6%
ในการแถลงข่าวหลังการประชุม ประธานเฟด กล่าวว่า “ปัจจุบัน เรายังไม่รู้สึกถึงผลกระทบทั้งหมดจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เรามีงานต้องทำอีกมาก” โดยพาวเวลล์ กล่าวว่า เฟดยินดีที่เงินเฟ้อทั่วไปในสหรัฐ เดือน ต.ค. และ พ.ย. ปรับลดลง แต่ก็ยังเตือนว่า “จะต้องใช้หลักฐานอีกเพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง”
ขณะที่ในแถลงการณ์ของ FOMC ระบุว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง จะมีความเหมาะสม" เพื่อให้แน่ใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงเพื่อที่จะทำให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุมได้
Innovest X มองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือ เฟดมีการปรับมุมมองเศรษฐกิจแย่ลง โดยกรรมการ FOMC บางรายมองถึงขั้นติดลบ แต่การว่างงาน และเงินเฟ้อไม่ได้ปรับขึ้นมากนัก เช่นเดียวกับ Dot plot ที่ปรับขึ้นมาก ซึ่งการปรับมุมมองเศรษฐกิจให้แย่ลง แต่ยังขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยต้องใช้ระยะเวลากว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ บ่งชี้ว่า
ตลาดหุ้นร่วงทั้งโลก แต่ไม่แรงมากเพราะรับรู้ข่าวไปแล้ว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่า แกว่งตัวลงตามตลาดหุ้นเอเชียที่ลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ แม้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่ประธานเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและยาวไปในปี 2566 ทำให้มีการปรับ Dot plot ดอกเบี้ยสหรัฐปีหน้าสูงขึ้นไปที่ 5.1% ส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่าประเด็นดังกล่าวตลาดรับรู้ไปค่อนข้างมากแล้ว จึงอาจจะเป็นแค่ผลกระทบในระยะสั้น เพราะภาพรวมของปัจจัยเฉพาะในประเทศที่ดีขึ้นยังมีโอกาสช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยให้ไปต่อได้ พร้อมให้แนวต้าน 1,635 และ 1,640 จุด แนวรับ 1,615 และ 1,620 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนีตลาดหุ้นไทยและเอเชีย
ทองคำโลกปิดลบ ทองคำไทยร่วง 100 บาท
ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ ปิดลบในวันพุธ (14 ธ.ค.) ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมเฟด โดยตลาดปิดการซื้อขายก่อนที่จะมีการแถลงมติการประชุม
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,818.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนราคาทองคำในประเทศไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองในวันนี้ (15 ธ.ค.) มีการปรับราคาลงไปแล้ว 2 ครั้ง รวมลดลงไป 100 บาท ดังนี้