สสว. ร่วมกับสำนักงาน ป.ย.ป. ลงนาม MOU เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากฎหมาย และมาตรการต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการเติบโตของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ภายใต้แนวคิด “Next Level SME : ปลดล็อกกฎหมาย ลดภาระ สร้างโอกาสเพื่อเอสเอ็มอีไทย
นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง สสว. และสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ว่าความร่วมมือครั้งนี้กำหนดแนวทางการพัฒนาไว้ใน 3 มิติหลัก ได้แก่
รักษาการผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า “อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ ได้แก่ การพัฒนากลไกช่วยเหลือ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และการส่งเสริมให้ ผู้ประกอบการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการขยายธุรกิจ” พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำว่าเอสเอ็มอีคือฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจไทย โดยคิดเป็นกว่า 35% ของ GDP และเป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญของประเทศ สร้างงานกว่า 12.8 ล้านตำแหน่ง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของการจ้างงานรวมในประเทศ
อีกทั้งยังช่วยกระจายรายได้สู่ครัวเรือนและชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ มีความคล่องตัว และปรับตัวได้เร็วกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงเป็นแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ แต่ที่ผ่านมากฎหมายและกฎระเบียบหลายฉบับยังเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ สสว. จึงต้องเร่งปรับปรุง และทำให้กฎหมายเหล่านี้เอื้อต่อการเติบโตของเอสเอ็มอีมากขึ้น
สำหรับแนวทางสำคัญที่ สสว. กำลังดำเนินการ อาทิ ระบบ SME One ID จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเสนอปรับปรุงมาตรการด้านภาษี และกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าภาครัฐต้องทำให้กฎหมายเป็นเครื่องมือส่งเสริมเอสเอ็มอี มิใช่อุปสรรคต่อการเติบโต ผ่านมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่เป็นรูปธรรม เช่น การปรับปรุงกฎหมายที่ซ้ำซ้อนและเป็นอุปสรรค ลดขั้นตอนทางกฎหมายและภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น สนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดและเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจ รวมถึงส่งเสริมให้เอสเอ็มอีใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจ
นางชุติมา หาญเผชิญ ผู้อำนวยการ สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) เปิดเผยว่าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการผลักดันเอสเอ็มอีโดยมีความต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี เพื่อหนุนขีดการแข่งขันในเวทีโลก บันทึกข้อตกลงฉบับนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงโครงสร้างกฎหมาย เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้สะดวกขึ้น ลดข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ
“Next Level SME จึงไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ที่ภาครัฐพร้อมขับเคลื่อน เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่อย่างแข็งแกร่งภายใต้กรอบกฎหมายที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ และส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน” ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับประชาชนและผู้ประกอบการสามารถติดตามความคืบหน้าของโครงการได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ สสว. ที่ https://www.sme.go.th และเว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ย.ป. ที่ https://sto.go.th รวมถึงช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ของทั้งสองหน่วยงาน