บอร์ดเศรษฐกิจไฟเขียว! แจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงวัย 60 ปีขึ้นไปก่อนตรุษจีน พร้อมพักดอกเบี้ย 3 ปี ช่วยคนเป็นหนี้บ้าน รถยนต์ และหนี้บริโภค
แจกเงินหมื่น เฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนตรุษจีน 2568 พร้อมพักหนี้ 3 ปี
คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจประชุมนัดแรก มีมติเห็นชอบเดินหน้าโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลเฟส 2 โดยจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 3-4 ล้านคน รัฐบาลจะแจกเป็นเงินสดเช่นเดียวกับเฟสแรก ใช้วงเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ผู้สูงอายุจะได้รับเงินก่อนเทศกาลตรุษจีนปี 2568 อย่างแน่นอน
สำหรับเฟส 3 ของโครงการ คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน 2568 เนื่องจากต้องรอการพัฒนาระบบและแอปพลิเคชันให้พร้อมใช้งาน รวมถึงการทบทวนรายละเอียดของโครงการให้รอบคอบ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักการสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน โดยจะเน้นช่วยเหลือลูกหนี้ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
โดยกำหนดมาตรการพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการฟื้นตัว สำหรับมาตรการนี้จะครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสียไม่เกิน 1 ปี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 1.2 - 1.3 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ มาตรการพักชำระดอกเบี้ย เกิดจากความร่วมมือระหว่างสมาคมธนาคารไทย กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยนอกจากการพักชำระดอกเบี้ยแล้ว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขการลดการชำระเงินต้น และการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยรัฐบาลได้ให้เหตุผลว่า กลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือทางการเงินก่อน จึงมีมติให้ดำเนินการแจกจ่ายเงินในระยะที่ 2 แก่กลุ่มผู้สูงอายุเป็นลำดับแรก
สัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทย หรือ ยาแก้ปวดระยะสั้น?
มติของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาระหนี้สิน
อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่น การแจกเงิน และการพักชำระหนี้ อาจไม่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจในระยะยาว ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ประเด็นที่น่าติดตามต่อไป
โดยสรุป : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เปรียบเสมือน "ยาแก้ปวด" ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยในระยะสั้น แต่การที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแรงและเติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับการ "รักษา" ที่ต้นเหตุ ด้วยการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจในระยะยาว