ปี 2567 เป็นอีกหนึ่งปีที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่การส่งออกยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงยังคงเป็นอุปสรรคต่อการบริโภคของประชาชน
จากการรายงานของสภาพัฒน์ฯ ระบุว่าในปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวอยู่ที่ 2.5% (ขยายตัวไม่ถึง 3% 6 ปี ติดต่อกันนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19) มูลค่า GDP ประเทศไทย อยู่ที่ 18.58 ล้านล้านบาท เมื่อเฉลี่ยต่อประชากรอยู่ที่ 264,607.70 บาทต่อคนต่อปี สัดส่วนอัตตราการว่างงานอยู่ที่ 1% เงินเฟ้อ 0.4% ขณะที่ปี 2568 ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ดีขึ้น แต่ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
เศรษฐกิจปี 2567 ขยายตัวต่ำกว่าคาด แต่ยังมีหวัง
1. การเติบโตของเศรษฐกิจไทย
- สภาพัฒน์ฯ Q4/2567 รายงานว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.9 เมื่อรวมทั้งปี 2567 อยู่ที่ 2.5% สำหรับแนวโน้มในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.3% - 3.3% ค่ากลาง 2.8% ปัจจัยจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาครัฐ การขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการขยายตัวของการส่งออกสินค้า อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอีกด้วย
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีอัตราการเติบโตเพียง 2.7%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะเติบโตราว 2.7% เช่นกัน ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคภาคเอกชนและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
- ธนาคารโลก (World Bank) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 2.9% ต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าเนื่องจากการบริโภคที่ชะลอตัว
2. ปัจจัยบวกในปี 2567
- การท่องเที่ยว ถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 ที่ 36 ล้านคน ใกล้เคียงกับระดับก่อนโควิด-19
- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลออกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน
- ภาคการคลังแข็งแกร่งขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยอยู่ในระดับที่ดีขึ้น
3. ปัจจัยเสี่ยงในปี 2567
- การส่งออกชะลอตัว การค้าระหว่างประเทศยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของไทย
- หนี้ครัวเรือนสูง ระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงยังคงเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการบริโภคภายในประเทศ
- อัตราเงินเฟ้อและต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชนและต้นทุนการดำเนินธุรกิจ
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568: ฟื้นตัวหรือยังต้องจับตา?
1. คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ธปท. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวที่ 2.9%
- IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในช่วง 2.3-3.3%
- กระทรวงการคลังคาดว่า GDP ปี 2568 จะเติบโต 3.0%
2. ปัจจัยสนับสนุนในปี 2568
- การลงทุนภาครัฐและโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การขยายสนามบิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และโครงการคมนาคมขนาดใหญ่
- การบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่งขึ้น หากรัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม
- การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเต็มที่ กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าไทยจะต้อนรับนักท่องเที่ยว 39 ล้านคนในปี 2568 ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
3. ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา
- นโยบายการค้าระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หรือมาตรการกีดกันทางการค้าจากคู่ค้าสำคัญอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย
- การลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หากไม่มีแรงจูงใจที่มากพอ นักลงทุนอาจยังลังเลในการขยายการลงทุน
- เสถียรภาพทางการเงิน การที่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชน
ปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน?
แม้ว่าปี 2567 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ปี 2568 ยังมีโอกาสฟื้นตัวหากมีการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ และการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถดึงดูดการลงทุนภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่สูง ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก และที่สำคัญการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว
ที่มา : ธนาคารโลก (World Bank) , กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) , สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) , ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)