ในวันนี้ (28 ม.ค.67) นายปานปรีย์ พหิทธานุธร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมลงนามความตกลงและเอกสารสำคัญ กับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศประจำพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยเป็นการร่วมลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนว่า ด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ ในโอกาสที่นายหวัง อี้ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 มี.ค.2567
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้มีการโพสต์ X ส่วนตัว กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “วันนี้ไทยกับจีนลงนามในความตกลงฟรีวีซ่าเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ”
นายเศรษฐา ระบุอีกว่า “เป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ไทย-จีน และจะมีผลอย่างมากต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงในแง่การค้าหรือการลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างกันจะดีขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลถึงรายได้จากนักท่องเที่ยว ที่ส่งตรงถึงพ่อค้า แม่ค้าในไทย”
ขณะที่ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า การลงนามครั้งนี้ จะได้รับยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย และผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการและหนังสือเดินทางธรรมดาของจีน ในการเดินทางเข้า ออก หรือผ่านแดนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีระยะเวลาพำนักแต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน และเมื่อรวมการเดินทางหลายๆครั้งภายในห้วงเวลา 180 วัน ระยะเวลาในการพำนักรวมกันต้องไม่เกิน 90 วัน ยกเว้นกรณีการพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา กิจกรรมด้านสื่อ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตล่วงหน้าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบของอีกฝ่ายหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ความตกลงนี้เป็นผลมาจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16-19 ตุลาคม 2566 และได้หารือกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยขอให้ทั้ง 2 ฝ่าย มีการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาซึ่งกันและกัน และนายหวัง อี้ จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2567 ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 26-29 มกราคม 2567 อีกด้วย
รายข่าวจากซินหัว เผยว่า หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนและไทยกำลังจะเข้าสู่ “ยุคปลอดวีซ่า” อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน
โดยหวังอี้ ได้กล่าวข้อความข้างต้นในการแถลงข่าวร่วมกันหลังมีการหารือประจำปีร่วมกับปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยเสริมว่าการยกเว้นวีซ่าระหว่างกันนั้น จะผลักดันการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนสองประเทศไปสู่ระดับใหม่อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หวังอี้ ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่าจีนมองว่าไทยมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เสมอมา ในการสานสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเพื่อนบ้าน
"จีนชื่นชมความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของไทยต่อหลักการจีนเดียว และการสนับสนุนอย่างแข็งขันของไทยต่อข้อริเริ่มเพื่อการพัฒนาโลก (Global Development Initiative) แผนริเริ่มความมั่นคงโลก (Global Security Initiative) และแผนริเริ่มอารยธรรมระดับโลก (Global Civilization Initiative)" หวังอี้ กล่าว
สำหรับในปีหน้าเป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย โดยครึ่งศตวรรษที่ผ่านมานั้นความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศได้ก้าวผ่านบททดสอบของภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน