นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับ SPOTLIGHT ว่า ในเดือนกันยายน 2567 ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้ทำแตะระดับสูงสุด(นิวไฮ) ทะลุ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำค่อยๆ ปรับขึ้น และมีโอกาสทำนิวไฮใหม่ที่ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยในขณะนี้ เนื่องจากค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลง และไม่สอดคล้องกับราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำลงมาถึงระดับ 1,000-2,000 บาทต่อบาททองคำ จากที่ระดับ 40,500 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งในราคาทองคำในประเทศควรไปอยู่ที่ระดับ 42,500 บาทต่อบาททองคำ เพราะค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาประมาณ 5%
“ เชื่อว่าหลังจากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว ราคาทองคำในตลาดโลก และราคาทองคำในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้น และมีโอกาสทำนิวไฮอีกครั้งทั้งราคาทองตลาดโลกมีโอกาสทะลุ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ และราคาทองในประเทศมีโอกาสทำนิวไฮเช่นกัน มีโอกาสทะลุ 42,650 บาทต่อบาททองคำในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้”
นายจิตติ กล่าวแนะนำนักลงทุนว่า ให้สะสมทองคำในช่วงนี้ เนื่องจากราคาทองในประเทศค่อนข้างถูก เนื่องจากค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ทยอยสะสมไว้
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก มองว่ายังคงต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงคำสั่งซื้อสินค้าคงทน, ดัชนีราคาบ้าน, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ไตรมาส 2/2567, ยอดดุลการค้า, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อ PCE และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนกันยายน นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ จากปัจจัยดังกล่าว บล. โกลเบล็กประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ไว้ที่ 2,450 – 2,550 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบเก็งกำไรภายในกรอบราคาที่ประเมินไว้