ข่าวเศรษฐกิจ

กฟผ. แก้วิกฤตน้ำมันแพง เร่งนำเข้าก๊าซฯ LNG -รับซื้อไฟฟ้ารายเล็กเพิ่ม

19 เม.ย. 65
กฟผ. แก้วิกฤตน้ำมันแพง เร่งนำเข้าก๊าซฯ LNG -รับซื้อไฟฟ้ารายเล็กเพิ่ม

นายกิตติ เพ็ชรสันทัด รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะประธานศูนย์ติดตามสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานของ กฟผ. กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตพลังงานโลกยังทวีความรุนแรง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง กฟผ. ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ จึงได้ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าระยะสั้นเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน

 

กฟผ.ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากรายเล็ก

โดยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 กฟผ. ได้ออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าระยะสั้นจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เฉพาะรายที่ไม่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยถือเป็นความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐและผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤตพลังงานของประเทศครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าจากต่างประเทศลงได้ และยังช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาเศษชานอ้อย เนื่องจากเกษตรกรหันมาขายเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าแทน

 

โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก

 

เร่งนำเข้า LNG มาใช้ผลิตไฟฟ้าแทนน้ำมัน

นอกจากนี้ กฟผ. จะเร่งนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รูปแบบตลาดจร (Spot) จำนวน 2 ลำเรือ ในช่วงเดือน
เมษายน - พฤษภาคม 2565 ตามมติ กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 16/2565 เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีปริมาณนำเข้าประมาณ 65,000 ตันต่อลำเรือ เพื่อใช้ทดแทนเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาสำหรับผลิตไฟฟ้า

 

เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 7 ปี บวกกับการคาดการณ์ความสามารถในการจัดส่งน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ของกรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งคาดการณ์ว่า ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในการผลิตไฟฟ้าประมาณ 5 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งการจัดหา LNG ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความมั่นคงระบบพลังงานของประเทศ และทำให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าลดลงประมาณ 500 ล้านบาทเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น

 

LNG

 

กฟผ.กู้ 25,000 ล้านบาท มาลงทุน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาล กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ โดยให้ กฟผ. เร่งดำเนินมาตรการเพื่อลดภาระค่าเชื้อเพลิง อาทิ ปรับแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า กฟผ. มาใช้เชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน ได้แก่ น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา ทดแทนก๊าซฯ ในช่วงราคาก๊าซฯ ในตลาดโลกพุ่งสูง โดยระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2564 - มีนาคม 2565 สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ 437.50 ล้านบาท และเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ออกจากระบบไปก่อน 1 ปี

 

โดยระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2565 สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ 3,162.41 ล้านบาท รวมทั้งยังได้รับภาระค่าไฟฟ้าเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิง ตั้งแต่งวดเดือนกันยายน 2564 จนถึงงวดเดือนเมษายน 2565 แทนประชาชนเป็นการชั่วคราว ประมาณ 60,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด ทำให้ กฟผ. ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุนแล้ว 25,000 ล้านบาท

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT