ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายที่สุด ตั้งแต่ RS ก่อตั้งมา และในชีวิตการทำธุรกิจของผม เพราะเป้าหมายจะตั้ง Market Cap รวมทุกธุรกิจในกลุ่ม “1 แสนล้านบาท” เป็นฝันที่ใหญ่ แต่ไม่ใช่ฝันลมๆ แล้ง
ในงานแถลงแผนการดำเนินธุรกิจ 3 ปี ของ ‘บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS Group’ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา ‘ เฮียฮ้อ’ หรือ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ RS Group เผยถึงเป้าหมายในการพาธุรกิจสู่มาร์เก็ตแคป 1 แสนล้าน ผ่านการปรับโครงสร้าง 6 กลุ่มธุรกิจ และดัน 5 บริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2026
อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ตั้งเป้าเป็น ‘Life Enriching’ ที่ไม่ใช่แค่การเติมเต็มความสุขและความต้องการของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์และบริการเท่านั้น แต่จะ “ยกระดับในทุกมิติการใช้ชีวิต” ของลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์แห่งความสุขไปพร้อมกับสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนและสัตว์เลี้ยงผ่านทุกธุรกิจในเครือ
ซึ่งกลุ่มธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนท์จะกลับมาลุยธุรกิจเพลงอีกครั้งด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ ขณะที่ธุรกิจคอมเมิร์ซจะเติบโตด้วยช่องทางและพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเข้าสู่ตลาดแมสเต็มตัว พร้อมปั้นธุรกิจน้องใหม่ “RS Pet All” รับเทรนด์ Petconomy
นอกจากนี้ อาร์เอส กรุ๊ป กำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างและขยายสู่ธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์องค์กร ที่จะส่งเสริมให้โมเดล Entertainmerce เติบโตแข็งแกร่งขึ้นทั้งในแนวตั้งและแนวราบ ซึ่งจะผลักดันรายได้ปี 2566 สู่เป้าหมาย “5,500 ล้านบาท” และเป็นการเตรียมความพร้อมของ อาร์เอส กรุ๊ป เพื่อ Spin-Off บริษัทในเครือเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และทำให้มาร์เก็ต แคป ของ อาร์เอส กรุ๊ป สูงขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า
เฮียฮ้อ กล่าวว่า “ผ่านมา 3 ปีแล้วที่ อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศรีแบรนด์ และสามารถทรานฟอร์มองค์กร ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ได้สำเร็จ จนเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำที่ได้รับการยกย่องให้เป็นกรณีศึกษาในการทรานฟอร์มธุรกิจ ถึงแม้ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ทั้งโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ แต่อาร์เอส กรุ๊ป ก็ปรับตัวอย่างรวดเร็วและมองหาโอกาสในวิกฤติอยู่เสมอ”
“สำหรับความท้าทายในปีนี้ เราตั้งเป้าเป็น ‘Life Enriching’ มุ่งมั่นในการยกระดับทุกมิติการใช้ชีวิตของลูกค้าผ่านทุกธุรกิจในเครือ พร้อมจัดโครงสร้างองค์กรใหม่โดยแบ่งเป็น 6 กลุ่มธุรกิจ เตรียมความพร้อมของ อาร์เอส กรุ๊ป เพื่อ Spin-Off บริษัทในเครือเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อทำให้มาร์เก็ต แคป ของ อาร์เอส กรุ๊ป สูงขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ โครงสร้างธุรกิจใหม่ของ อาร์เอส กรุ๊ป แบ่งได้เป็น 6 กลุ่มหลัก ดังนี้
นาย วิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน เผยว่า ไฮไลท์ในปี 2565 ที่ผ่านมา อาร์เอส กรุ๊ป สามารถสร้างผลงานเป็นที่โดดเด่น ทั้งการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของยูนิลีเวอร์ ไลฟ์ หรือ ยูไลฟ์ (ULife) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจขายตรงของยูนิลีเวอร์ Popcoin ประกาศลิสต์เข้าสู่กระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของโลกอย่าง XT.COM ขณะที่แบรนด์ Lifemate สามารถขยายความหลากหลายของอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์เลี้ยงได้มากถึง 81 SKUs และเพิ่มเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศเกือบกว่า 600 แห่ง ทั้งนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
และยังจัดตั้งบริษัท เพ็ท ออล จำกัด เพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง (Petconomy) ผ่านการสร้างธุรกิจสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ขยายตัวกว้างขึ้น และสามารถดึงศักยภาพของแต่ละธุรกิจมาสนับสนุนซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในปีนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังคงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโมเดล Entertainmerce คาดว่าจะผลักดันรายได้ปี 2566 ให้ไปสู่เป้าหมายที่ 5,500 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจคอมเมิร์ซ 3,100 ล้านบาท และธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนท์ 2,400 ล้านบาท”
อีกหนึ่งไฮไลต์ของ RS Group คือการประกาศรุกตลาดเพลงแบบเต็มตัว หลังลดสัดส่วนไปนานกว่า 15 ปี ผ่านการจัดตั้งบริษัท 'RS MUSIC' ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ค่ายเพลง คือ RSIAM, kamikaze และ RoseSound ด้วยโปรเจกต์ RS Homecoming ดึงศิลปินระดับตำนานของ RS มาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ และ RS Newcomers ปั้นศิลปินหน้าใหม่ สู่การเป็นดาวเด่นของวงการ
"วันนี้ สภาพแวดล้อมของธุรกิจเพลงเปลี่ยนไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ยุค ‘New Wave’ รายได้จากช่องทางดิจิทัล เติบโตอย่างมีนัยสำคัญและค่อนข้างสูง ตัวรายได้ไม่ได้สูงเท่ากับการขายซีดี แต่ไม่มี Cost และจะเปลี่ยนเป็นกำไรทันที"
"การกลับมาทำธุรกิจอย่างจริงจัง และเชิงรุกเต็มรูปแบบ วันนี้เรามีพาร์ทเนอร์ที่สำคัญ จะช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเพลงของเราอย่างมีนัยสำคัญ"