สาวก Apple แห่ฝากเงิน เงินฝากดอกเบี้ยสูง 4 วัน เฉียด 3.4 หมื่นล้านบาท

Apple จะจับอะไรก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียหมด หลังล่าสุด ผลิตภัณฑ์เงินฝากดอกโหด 4.15% ต่อปี (สูงกว่าที่มีอยู่ในตลาด 10 - 20 เท่า) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตัวเลขล่าสุดเผยว่า มีสาวกแห่มาฝากเงินรวมเป็นมูลค่าเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.4 หมื่นล้านบาท) เรียบร้อยแล้ว หลังเปิดให้บริการไปได้เพียง 4 วันเท่านั้น

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

โดยในวันแรกที่เปิดให้บริการนั้น สาวก Apple ก็ตบเท้ากันเข้ามาฝากเงินแล้วเกือบ 400 ล้านดอลลาร์ (1.36 หมื่นล้านบาท) และหลังผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็มีผู้เปิดบัญชีฝากเงินกับ Apple ไปแล้ว 240,000 ราย

เทียบกับการฝากเงินที่ได้ดอกเบี้ยในเรทปกติ ที่ราว 0.24% ต่อปี จากการสำรวจของ Bankrate แล้ว ถ้าฝากเงินไว้ ‘1 แสนบาท’ เมื่อผ่านไป 1 ปีจะได้รับดอกเบี้ยมูลค่า ‘240 บาท’ แต่สาวก Apple ที่ฝากเงินจำนวนเท่ากัน ไว้กับบริการใหม่ของ Apple นี้ จะได้รับดอกเบี้ยคิดเป็น ‘4,150 บาท’ เลยทีเดียว

 

ห่างกันปีละ 3,910 บาท โดยไม่ต้องทำอะไรเลย

 

นอกจากนี้ บริการฝากเงินของ Apple นั้นยังไม่มีการกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการฝาก และไม่จำกัดจำนวนครั้งในการถอนเงินต่อปี ซึ่งต่างจากผู้บริการส่วนใหญ่ ที่มักกำหนดจำนวนการถอนเงินไว้ที่ราว 6 ครั้ง/ปี

ช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาของปี 2023 นั้น ประชาชนชาวสหรัฐได้แห่ถอนเงินออกจาก 3 แบงก์ใหญ่รวมเป็นมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ (2 ล้านล้านบาท) เพื่อหนีจากอัตราเงินฝากที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

โดย Richard Crone ผู้ก่อตั้งบริษัทการเงิน Crone Consulting เผยกับ Forbes ว่า ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับตัวตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้นของเฟด ด้วยการปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อกู้บ้านและรถยนต์ให้สูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นตาม จึงมีกระแสเงินไหลออกไปยังเงินผลิตภัณฑ์การเงินฝากพิเศษ (Certificate of Deposit), กองทุนตลาดเงิน รวมไปถึงบริษัทฟินเทค อย่าง Apple ด้วย

 

บริการเงินฝากดอกสูงจาก Apple นี้ เป็นความร่วมมือของ Apple และ Goldman Sachs สำหรับลูกค้า Apple Card บัตรเครดิตสำหรับลูกค้า Apple

 

ที่มา : DailyMail UK, Fox Business