บ๊อช ประเทศไทย เป็นผู้นำด้านระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีไฮดรอลิกในอุตสาหกรรมสำคัญ ๆ ในประเทศไทย ปรับกลยุทธ์มุ่งสู่วิศวกรรมยานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ วางเป้าหมายปีนี้ยอดขายเติบโค 6-9%
บ๊อชเริ่มเข้ามาไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466
บ๊อช ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีการประกอบชิ้นส่วนในภูมิภาคอาเซียนและโอเชียเนีย และเป็นผู้วางสายการประกอบชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
บ๊อซได้เริ่มทำการผลิตระบบ ABS สำหรับจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโมบิลิตี้ในประเทศไทย โดยบ๊อชได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญในการผลิต ABS สำหรับรถสี่ล้อที่โรงงานแห่งเดียวกันตั้งแต่ปี 2557 มาใช้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรถสองล้อของตลาดอาเซียน
ล่าสุด บ๊อซได้ทำการผลิตระบบ ABS สำหรับจักรยานยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นฐานการผลิตระบบ ABS ของจักรยานยนต์แห่งที่สามในโลกของบ๊อช
โดยในอนาคตซอฟต์แวร์ในการผสานรถยนต์เข้ากับโลกดิจิทัลจะเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ เปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าจากที่ใช้ฮาร์ดแวร์เป็นขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ รวมถึงการเชื่อมต่อ ระบบอัตโนมัติ และการปรับแต่งคุณสมบัติให้เป็นส่วนตัว จะมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับรถยนต์จะมีระบบควบคุมไดนามิกส์ของรถยนต์ 2.0 ของบ๊อช ด้วยการควบคุมอัจฉริยะ ทำให้แอคทูเอเตอร์ เช่น เบรก พวงมาลัย ระบบส่งกำลัง และระบบช่วงล่างสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด
รวมถึง การคาดคะเนพฤติกรรมของรถยนต์ และการแทรกแซงในเชิงรุก ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และมอบประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา และมีโซลูชันบนระบบคลาวด์ของบริษัท – แบตเตอรี่ในระบบคลาวด์ เป็นโซลูชันเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อจัดการแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าให้ดีขึ้น โดยแบตเตอรี่ในระบบคลาวด์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ อายุการใช้งาน และความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย และประโยชน์จากโซลูชัน AioT เพื่อยกระดับการเฝ้าระวัง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบ๊อช ยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ดังนี้
โดยโซลูชันเหล่านี้สามารถทำงานเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยในการให้ข้อมูลเชื่อมถึงกัน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบความปลอดภัยมีความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น และเป็นการยกระดับความปลอดภัยของชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น
ในปีพ.ศ.2565 การติดตั้งกล้องวิดีโอรักษาความปลอดภัยหลายพันตัวในหลายพื้นที่ทั้งในจ.กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และระยอง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่เมือง ด้วยคุณภาพของภาพที่มีความคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน การวิเคราะห์วิดีโออัจฉริยะในการตรวจนับยานพาหนะ การตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ ซึ่งเป็นการช่วยการบริหารการจัดการจราจร ช่วยสืบสวนอาชญากรรม อุบัติเหตุ และการละเมิดกฎจราจรได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายของกลุ่มบ๊อช บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี2566 จะเติบโตอยู่ที่ 6–9% อัตรากำไร EBIT อยู่ที่ระดับ 5% โดยเป้าหมายของกลุ่มบ๊อช คือ การเติบโตในทุกภูมิภาค และเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำสามรายในตลาดที่เกี่ยวข้อง
โดยกลยุทธของกลุ่มบ๊อช จะมุ่งตอบสนองต่อแนวโน้มไปสู่วิศวกรรมยานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ โดยการปรับแนวธุรกิจการจัดหายานยนต์ใหม่ในอนาคต ธุรกิจยานยนต์จะได้รับการจัดการในฐานะภาคธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อธุรกิจของตนเองและทีมผู้นำของตนเอง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ธุรกิจยานยนต์จะถูกกำหนดให้เติบโตทุกปี เฉลี่ย 6% จนถึงปีพ.ศ.2572 คาดว่าจะมียอดขายต่อปีมากกว่า 80,000 ล้านยูโร ในด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ กลุ่มบ๊อชยังมีเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษต้นน้ำและปลายน้ำเพิ่มขึ้น อันจะนำพาให้บริษัทบรรลุเป้าหมายสู่ความยั่งยืนไปอีกขั้น
ปี 2565 มียอดขายเติบโตอยู่ที่ 397 ล้านยูโร (ราว 14,600 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10.7% จากปีก่อนหน้า เติบโตขึ้นสูงถึง 2 หลัก โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานในตลาด การลงทุนของบริษัทที่เติบโตขึ้น 18% คิดเป็นมูลค่า 32.2 ล้านยูโร (ราว 1,200 ล้านบาท)
“บริษัทได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และปรับตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนหลังวิกฤติโควิด-19 เพราะแม้เศรษฐกิจไทยจะส่งสัญญาณดีขึ้นจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และผลักดันการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่ยังต้องจับตาความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากการคาดการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก” นายโจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ บ๊อช ประเทศไทย กล่าว
ในปี 2565 กลุ่มบ๊อชได้ใช้อีคอมเมิร์ซมีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขายเครื่องมือไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และอะไหล่รถยนต์ของบริษัทให้เติบโต
โดยเครื่องมือไฟฟ้าของบ๊อชมีรายรับที่ดีดตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุปกรณ์ไร้สาย 18V ซึ่งได้แรงหนุนจากแคมเปญ PROMIX ออนไลน์ มอบแบตเตอรี่ 18V ให้กับผู้ใช้ฟรี และแอป BeConnected ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ และจากแคมเปญ “Like a Bosch” และการขยายช่องทางการขายที่ครอบคลุมถึงออนไลน์ กละการมี HomeConnect ที่ช่วยให้สามารถควบคุมสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้ บ๊อช ประเทศไทย ยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทั่วทั้งภูมิภาค โดยในปี 2565 ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในไทยเกือบ 10 แห่ง ขยายโครงการฝึกงานจากนักศึกษาจาก 173 คน เป็น 250 คน
โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาฝึกงานในแผนกต่าง ๆ ทั้งที่กรุงเทพฯ และระยอง ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมการทำงานที่หลากหลาย และสภาพแวดล้อมของบริษัทข้ามชาติ เพื่อพัฒนาทักษะและมีส่วนร่วมในองค์กร และในปี2566 บริษัทวางแผนขยายโปรแกรมรับนักศึกษาเพิ่มเป็น 350 คน พร้อมส่งเสริมการพัฒนาทางวิชาชีพ ด้วยการให้ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเยอรมนีมาร่วมถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ IoT การใช้งาน I4.0 ตลอดจนเทคโนโลยีและโซลูชันขั้นสูง