XRP เป็นสกุลเงินดิจิทัลจาก Ripple บริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาด้านการชำระเงินบนบล็อกเชน โดยตอนนี้ได้กลับมาเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ตามมูลค่าตามราคาตลาด จากกระแสตอบรับของชุมชน ปี 2024 ได้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญของการต่อสู้อย่างยืดเยื้อระหว่าง Ripple
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ที่ดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องกว่า 4 ปี นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 เป็นการเผชิญหน้าทางกฎหมายที่จะมากำหนดอนาคตของการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล อาจจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
รวมถึง ปัจจัยบวกจากการชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ยิ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ที่เคยมีความซับซ้อนดูผ่อนคลายลงและนำมาสู่ทิศทางบวกสำหรับอุตสากหรรมคริปโทฯ ซึ่งบทความนี้จะมาเจาะลึกและย้อนเหตุการณ์คดีของ Ripple และอนาคตที่น่าจับตามองของเหรียญ XRP
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2020 แนวทางของการดำเนินการสกุลเงินดิจิทัลเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ได้ยื่นฟ้อง Ripple Labs อย่างครอบคลุม โดยข้อกล่าวหาได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
SEC ได้ยื่นฟ้อง Ripple โดยกล่าวหาว่า XRP เสนอขายหลักทรัพย์โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตและดำเนินการระดมทุนไปมากกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2013 ผลที่ตามมาในทันทีนั้นรวดเร็วและรุนแรง ผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ได้ถอด XRP ออกจากรายชื่ออย่างรวดเร็ว ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง และอนาคตของ Ripple ก็อยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน เป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการของวงการเงินคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมดในสหรัฐฯ โดยการพิจารณาของ SEC กำลังสร้างความเสียหายให้กับผู้ถือ XRP จนนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยาวนานและยากลำบากที่เต็มไปด้วยการยื่นคำร้อง การค้นพบใหม่ๆ และการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์
ในเดือนกรกฎาคม 2023 Analisa Torres ผู้พิพากษาประจำเขตปกครองทางตอนใต้ของนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปฏิเสธคำร้องของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) โดยระบุว่าการขาย XRP ของ Ripple เป็นแบบ Programmatic ที่มีการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มรองไม่ถือเป็นธุรกรรมหลักทรัพย์ ในขณะที่การขายโดยตรงให้กับนักลงทุนสถาบันให้อยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ ส่งผลให้ Ripple ถูกปรับ 125 ล้านดอลลาร์ แต่อยู่ระหว่างกระบวนการยื่นอุทธรณ์ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันที่จะระงับการชำระค่าปรับไว้ก่อน
สำหรับปี 2024 ทางด้าน SEC ยื่นอุทธรณ์อย่างเป็นทางการยังเป็นแนวทางที่ท้าทายการตัดสินใจของผู้พิพากษา Torres ซึ่งการยื่นอุทธรณ์นี้หมายความว่า SEC คงดำเนินคดีกับ Ripple ต่อไป โดยมุ่งหวังที่จะพลิกคำตัดสินส่วนสำคัญของคำตัดสินนี้
ด้าน Ripple ใช้สิทธิตอบโต้ด้วยการอุทธรณ์แย้งเรื่องการขาย XRP ในของฝั่งสถาบันที่ด้วยว่าด้วยเป็นการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ โดยคดีนี้จะเข้าสู่ศาลสูงสหรัฐเพื่อพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคาดว่าจะมีคำตัดสินขั้นสุดท้ายแต่ระยะเวลายังไม่ชัดเจน
ด้านราคาของ XRP ได้ทำราคาพุ่งขึ้นแตะ 2.86 ดอลลาร์ในรอบหนึ่งเดือน เป็นระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาเกือบ 7 ปี ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นราคาสูงสุดคือ เดือนมกราคม 2018 ด้วยราคา 1.93 ดอลลาร์ ทำให้เห็นการเพิ่มขึ้นของราคาเหรียญ XRP ที่มาถึง 301.52% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก CoinMarketCap เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2024)
XRP กลับมาอีกครั้งหลังจากการประกาศชัยชนะของโดนัล ทรัมป์ ที่มีท่าทีเป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี และการเปลี่ยนแปลงประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) อย่าง Gary Gensler ที่มีความแข็งกร้าวในกฎระเบียบของอุตสาหกรรมคริปโต โดยมี Ripple เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้หลักเกี่ยวกับการจำแนกประเภทและการขาย XRP มาเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดการต่อสู้ทางกฎหมายมาหลายปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อ Gary Gensler ประกาศลาออกโดยจะมีผลในวันที่ 20 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทรัมป์เตรียมเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี นักลงทุนต่างก็คาดหวังว่า Ripple และตลาดสกุลเงินดิจิทัลโดยรวมจะมีสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยมากขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับกฎระเบียบที่อาจจะเปลี่ยนไป ก็มีการคาดการณ์กันมากขึ้นว่าข้อพิพาททางกฎหมายที่ยาวนานเกี่ยวกับ XRP อาจได้รับการแก้ไข ซึ่งจะปูทางไปสู่การยอมรับในระดับสถาบันและกรณีการใช้งานแบบต่างๆ ความเชื่อมั่นในกฎระเบียบนี้ยังสร้างแรงบันดาลใจให้บริษัทต่างๆ เช่น WisdomTree และ Bitwise ผลักดันให้กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ที่ใช้ XRP เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งอาจกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ให้เพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับความเปลี่ยนนี้ คือ RLUSD ซึ่งเป็น stablecoin ของ Ripple ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ได้รับรอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของรัฐนิวยอร์ก (NYDFS) เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2024 นับเป็นก้าวสำคัญของ Ripple ที่ทำให้สามารถเสนอสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการผูกมูลค่าไว้กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรรัฐบาล
การเปิดตัว RLUSD คาดว่า จะช่วยเสริมแพลตฟอร์ม On-Demand Liquidity (ODL) ของ Ripple ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเป็นสื่อกลางที่มีเสถียรภาพสำหรับธุรกรรมข้ามพรมแดน และอาจท้าทายระบบดั้งเดิมอย่าง SWIFT ได้อีกด้วย นอกจากนี้ การอนุมัติ RLUSD อาจช่วยบรรเทาข้อกังวลด้านกฎระเบียบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการตรวจสอบการดำเนินงานของ Ripple ก่อนหน้านี้โดย SEC
สำหรับปี 2025 เป็นอีกปีที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เป็นปีที่อาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมคริปโทฯ โดยรวมภายใต้การนำทีมของโดนัล ทรัมป์ ที่มีแนวโน้มส่งผลดีไม่เพียงกับสหรัฐอเมริกาเท่านั้นแต่ยังส่งผลดีกับประเทศต่างๆ อีกด้วย ด้านผลลัพธ์ของคดีของ SEC กับการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การนำของผู้นำคนใหม่ อาจปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ดิจิทัลไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งเรื่องกำหนดความหมายสินทรัพย์ดิจิทัลและกรอบการกำกับดูแลใหม่ในอีกหลายปีข้างหน้า
ตรวจสอบราคา XRP ล่าสุดได้ที่นี่ https://www.bitkub.com/th/market/xrp
อ้างอิง : Bitkub Blog, CoinDesk, Cointelegraph, CryptoBriefing, CoinMarketCap
คำเตือน
-คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
-สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
-ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต