จีนโต้ภาษีทรัมป์ จำกัดการนำเข้าหนังฮอลลีวูด ขณะที่ตลาดหนังจีนเติบโตดี
รัฐบาลจีนประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (10 เมษายน 68)ว่า จะจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์จากฮอลลีวูดในทันที เพื่อตอบโต้การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยมาตรการนี้จะพุ่งเป้าไปที่ภาพยนตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกชื่อดังของสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด้านผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ประเมินว่า ข้อจำกัดดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบทางการเงินไม่มากนัก เนื่องจากของภาพยนตร์ฮอลลีวูดในจีนลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา จีนอนุญาตให้นำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดประมาณปีละ 10 เรื่อง แต่สำนักงานบริหารภาพยนตร์แห่งชาติของจีน (NFA) ระบุว่า มาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์ได้ทำร้ายความต้องการชมภาพยนตร์สหรัฐฯ ของชาวจีน และทางหน่วยงานเราจะดำเนินการตามกลไกตลาด เคารพการเลือกของผู้ชม และลดจำนวนภาพยนตร์อเมริกันที่นำเข้าอย่างเหมาะสม
ก่อนหน้านี้ ฮอลลีวูดเคยมองว่าตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดภาพยนตร์ใหญ่อันดับสองของโลก จะช่วยกระตุ้นรายได้ของภาพยนตร์ แต่ในช่วงหลัง ในตลาดประเทศจีน ภาพยนตร์จีนสามารถทำรายได้แซงหน้าภาพยนตร์จากฮอลลีวูดได้มากขึ้น โดยในปีนี้ “นาจา 2” ทำรายได้สูงกว่า “Inside Out 2” ของ Pixar กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันทำเงินสูงสุดตลอดกาลในจีน
นักเขียนอเมริกันมอง เป็นมาตรการที่รุนแรงแต่จีนไม่ได้เสียอะไรเลย
คริส เฟนตัน ผู้เขียนหนังสือ Feeding the Dragon: Inside the Trillion Dollar Dilemma Facing Hollywood, the NBA, and American Business ให้ความเห็นว่า การที่จีนจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์จากสหรัฐฯ เป็นการตอบโต้ทางภาพลักษณ์ที่รุนแรง แต่ไม่ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงหรือผลเสียใด ๆ ต่อจีนเลย เพราะภาพยนตร์ฮอลลีวูดมีส่วนแบ่งรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศในจีนเพียง 5% เท่านั้น และสตูดิโอในสหรัฐฯ ยังได้รับรายได้จากการขายบัตรเพียง 25% ของยอดขายในจีน ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนแบ่งรายได้ในตลาดอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ได้ออกมาปกป้องตลาดหนังฮอลลีวูด โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของเขาต่อมาตรการดังกล่าวของจีน ทรัมป์ตอบว่า “ผมคิดว่าผมเคยได้ยินเรื่องที่แย่กว่านี้มาก่อนนะ”
ทั้งนี้ มีดาราฮอลลีวูดจำนวนมากที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นคู่แข่งของทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา
Reuters
