ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นตลาดที่ทำผลตอบแทนได้แย่สุดในโลก หลังเปิดปีมานี้
ผลตอบแทนของดัชนีหุ้นแต่ละประเทศ ตั้งแต่เปิดปีจนถึงตอนนี้ (YTD)
- SET -16.3%
- IDX Composite (ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย) -8.5%
- Russell 2000 (หุ้นเล็กอเมริกา) -8.3%
- Nasdaq -8.1%
- NZDOW (ตลาดหุ้นนิวซีแลนด์) -7.7%
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยทำผลงานได้ไม่ดี ก็มีตั้งแต่
- GDP เติบโตต่ำ
โดยในปี 2024 ที่ผ่านมา GDP ไทยเติบโตเพียง 2.5% รองจากพม่าอันดับสุดท้ายที่เติบโตเพียง 1.0%
ตัวอย่างการเติบโตของ GDP ของประเทศเพื่อนบ้านรายอื่น
- เวียดนาม 7.0%
- ฟิลิปปินส์ 5.6%
- มาเลเซีย 5.1%
- อินโดนีเซีย 5.0%
- กัมพูชา 5.0%
- ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง
โดยปัจจุบันหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับ 90% ของ GDP ทำให้การกู้มาจับจ่ายใช้ส่อย เพิ่มขึ้นได้อีกไม่มาก
- การเทขายของนักลงทุนต่างชาติ
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นมูลค่ารวมกันแล้ว 149,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 48.5% ของมูลค่าซื้อขายสุทธิทั้งหมด
- ปัญหาเรื่องความโปร่งใสของบริษัทจดทะเบียน
- ความไม่แน่นอนทางการเมือง จากนโยบายกำแพงภาษีของคุณ โดนัลด์ ทรัมป์
ปัญหาทั้งหมดนี้เลยส่งผลให้ตลาดหุ้นไทย หลังเปิดปีมานี้ ปรับตัวลงจนทำผลงานแย่สุดในโลก
ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการต่าง ๆ ออกมาช่วยพยุงตลาด และ กระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม ตัวอย่างเช่น
- การออกกองทุนวายุภักษ์ที่มีมูลค่ามากพอกันกับแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ
- มาตรการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะเกิดขึ้นภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
- เพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
- ออก พรบ. สถานบันเทิง (กาสิโน) ถูกกฎหมาย
แต่สุดท้ายแล้ว ดูเหมือนว่า มาตรการทั้งหมดนี้จะยังไม่พอที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติให้กลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้อยู่ดี
ที่มา: bloomberg.com, investing.com, setsmart.com