แต่ละแบงก์อัตราดอกเบี้ยของแบงก์พาณิชย์จะปรับขึ้นเป็นเท่าไหร่กันบ้าง สามารถเช็กได้ที่นี่
SPOTLIGHT ได้รวบรวมให้แล้ว เช็กที่นี่!
ธนาคารกรุงเทพ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ ตามการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพต่อเนื่องในระยะยาว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2566
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ธนาคารประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้เพิ่มขึ้น
โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้น 0.10-0.25% สำหรับบุคคลธรรมดา
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อปรับขึ้น 0.25%
ธนาคารกรุงไทยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ โดยปรับดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.45 % ดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% และยังยืนหยัดช่วยเหลือลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน
โดยธนาคารประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.10-0.45 % ต่อปี เพื่อส่งเสริมวินัยการออม เพิ่มผลตอบแทนและรายได้ให้กับลูกค้าในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยสำหรับบุคคลธรรมดา ประเภทเงินฝากประจำ 24 เดือนเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.45% เป็น 2.40% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน 0.30% เป็น 2.65% ต่อปี
รวมถึง ฝากเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ผ่านเงินฝาก Krungthai NEXT Savings เปิดบัญชีง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT อัตราดอกเบี้ย 1.50%
ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท เพิ่มขึ้น 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) อยู่ที่ระดับ 7.05% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ระดับ 7.52% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) อยู่ที่ระดับ 7.57% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เผยว่า “ธนาคารจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคำนึงถึงผู้ฝากเงิน และพิจารณาอย่างรอบคอบถึงภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงปรับอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างเหมาะสม ควบคู่กับการดูแลลูกค้าให้สามารถปรับตัว สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ”
นอกจากนี้ ธนาคารยืนหยัดดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งครัวเรือนบางส่วนที่ยังมีความเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ฟื้นตัวช้า รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการ SME ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
โดยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการความช่วยเหลือแบบเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือแบบตรงจุดและทันท่วงทีและมาตรการช่วยเหลือพิเศษเพื่อแก้หนี้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และความเสี่ยงของลูกค้า พร้อมดำเนินนโยบายด้านสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
ธนาคารไทยพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราสูงสุด 0.30% ต่อปี เพื่อช่วยส่งเสริมการออมเงินและช่วยให้ผู้ฝากเงินมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR MLR และ MOR 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
ธนาคารปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัลและเงินฝากประเภทไม่มีสมุด รวมถึงเงินฝากประจำ โดยปรับเพิ่มขึ้น 0.10% - 0.30% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินในระบบที่สูงขึ้น
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อแม้คาดว่าจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ก็น่าจะปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้าจากปัจจัย ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน และเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. รวมถึงเป้าหมายของธนาคารที่จะเป็น Digital Bank with Human Touch”
อย่างไรก็ตาม ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และยังคงมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือด้านต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีความเปราะบาง พร้อมคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต
ธนาคารปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เงินฝากออมทรัพย์นิติบุคคล รวมถึงเงินฝากประจำ สูงสุด 0.40% เพื่อส่งเสริมการออม รวมถึงเพิ่มรายได้และกำลังซื้อให้กับลูกค้าของธนาคารในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ 0.25% เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบายและส่งเสริมเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะสมดุล
โดยมีผลวันที่ 4 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
นายจงรัก รัตนเพียร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เผยว่า ธนาคารกสิกรไทยยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลและช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณามาตรการความช่วยเหลือให้เหมาะสมกับลูกค้าที่อาจได้รับผลกระทบและคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถดำเนินการติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารได้
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้ สอดคล้องตามทิศทางของภาวะเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัว โดยธนาคารให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการออมเงิน ด้วยบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งเงินฝากประจำระยะสั้น และระยะยาว โดยปรับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.25% และ 5.00% ต่อปี
พร้อมปรับบัญชีออมทรัพย์ ทีทีบี มีเซฟ ที่เหมาะสมกับลูกค้าทุกคนส่งเสริมวินัยการออม ให้ดอกเบี้ยสูงสุดรวมโบนัส 2.20% ต่อปีตั้งแต่บาทแรกที่ฝาก ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปถึง 8.8 เท่า ด้านเงินกู้ประกาศพร้อมดูแลลูกค้าสินเชื่อทุกกลุ่มเน้นแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เผยว่า “ธนาคารได้พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งลูกค้าบุคคล และนิติบุคคล ทั้งนี้ยังเน้นส่งเสริมให้ลูกค้าออมเงินเพิ่มมากขึ้นผ่านบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภท ทั้งบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำระยะสั้น และระยะยาว”
โดยธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลูกค้าบุคคล
ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลูกค้านิติบุคคล มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ดังนี้
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.25% สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี MLR (Minimum Loan Rate) อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี MOR (Minimum Overdraft Rate) และอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี MRR (Minimum Retail Rate) โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไปเช่นกัน
“ทีทีบีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นการขานรับนโยบายของกนง. โดยธนาคารยังคงให้การสนับสนุน ดูแลช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่อ่อนไหวและมีภาระหนี้ที่สูงขึ้น แนะนำให้ลูกค้าแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนผ่านโซลูชันรวบหนี้ และโซลูชันโอนยอดหนี้เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำลง ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่อง ควบคู่กับแนะนำการให้ความรู้ทางการเงิน พร้อมกับการสนับสนุนการออมเงินเพื่อเป็นการสร้างรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และอนาคต ผ่านบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลายของทีทีบี” นายปิติ กล่าว
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราสูงสุด 0.30% ต่อปี เพื่อช่วยส่งเสริมวินัยการออมและเพิ่มผลตอบแทนให้กับลูกค้า และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ต่อปี สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดเ หลังจากทิศทางเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2566
อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้
โดยมีผลบังคับใช้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป