SPOTLIGHT พาไปรู้กับ รู้จัก ‘ มี่เสวี่ย ‘ร้านไอศกรีมสัญชาติจีน ที่มีสาขามากที่สุดในโลก และเตรียมเข้าจดทะเบีบนในตลาดหุ้นจีนเร็วๆนี้
ในยุคที่ไอศกรีมและชานมไข่มุกกลายเป็นของหวานยอดนิยม หลายแบรนด์ต่างแข่งขันกันนำเสนอสินค้าระดับพรีเมียม ขายในราคาแพงลิบ แต่ท่ามกลางกระแสนี้ กลับมีร้านหนึ่งที่โดดเด่นด้วยกลยุทธ์การขายที่สวนกระแส นั่นคือ MIXUE (มี่เสวี่ย) ร้านไอศกรีม-ชานมเจ้าดังจากจีน ที่มาพร้อมราคาเป็นมิตร เน้นขายถูก เพียง 15 บาท สำหรับ ไอศกรีมโคนวาฟเฟิล และ น้ำเลมอนในราคาเพียง 20 บาท เท่านั้น
ในปี 1997 จากนักศึกษาหนุ่มชื่อ Zhang Hongchao (จาง หงเชา) ผู้มีอุดมการณ์อยากจะสร้างร้านเครื่องดื่มและของหวานที่มีคุณภาพดี รสชาติอร่อย ในราคาเหมาะสม สามารถเข้าถึงได้ทุกคน เริ่มแรกได้เปิดร้านขายน้ำแข็งไส และเครื่องดื่ม โดยการไปขอยืมเงินออมของคุณยายของเขาจำนวน 3,000 หยวน รูปแบบร้านเป็นแนว แผงลอย ขายน้ำแข็งไสแบบเรียบง่าย มีเพียงตู้แช่ และเครื่องทำน้ำแข็งไสที่ประกอบขึ้นมาเอง ตั้งอยู่บริเวณข้างโรงเรียนในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ของจีน
ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของ คุณ Zhang ร้านน้ำแข็งไสของเขาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ผ่านไป 1 ปี เขาได้เปิดร้านน้ำแข็งไสขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่า Mixue Bingcheng (มี่เสวี่ย ปิงเฉิง) ร้านเริ่มไปได้ดี เขาจึงเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆหันมาขายทั้งไอศกรีม, สมูทตี้ และชานม กลายเป็นธุรกิจหลักในเวลาต่อมา
กลยุทธ์สำคัญของร้าน Mixue คือ ราคาสินค้าที่ถูกกว่า แต่มีคุณภาพใกล้เคียงกับเจ้าอื่น ซึ่งกลยุทธ์นี้ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ร้านไอศกรีมของ คุณ Zhang เติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของธุรกิจ เกิดขึ้นในปี 2006 เมื่อไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟจากญี่ปุ่นได้เข้ามาเป็นกระแสและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจีน ทว่าราคาก็สูงตามไปด้วย คุณ Zhang จึงมองเห็นโอกาสในช่องว่างนี้ จึงเริ่มศึกษาและพัฒนาสูตรไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟของตัวเอง และในที่สุดการตั้งราคาของไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟจากร้าน Mixue ก็ถูกกว่าคู่แข่งอีกตามเคย โดยตั้งราคาไว้ที่ 2 หยวน ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 5 เท่า เพราะโดยเฉลี่ยในตลาดขายในราคาประมาณ 10 หยวน
ทำให้ไอศกรีมราคาย่อมเยาของ Mixue ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ผู้คนต่างแห่กันไปต่อคิวซื้อจนร้านแทบแตก คุณ Zhang จึงตัดสินใจเปิดสิทธิ์แฟรนไชส์ในปี 2007 และขยายสาขาอย่างรวดเร็วไปยังเมืองต่าง ๆ ในจีน
ความสำเร็จของ Mixue มาจากปัจจัยหลายประการ ประการแรกคือ การให้ความสำคัญกับต้นทุนการผลิต โดย คุณ Zhang ได้สร้าง Economie of Scale เพื่อควบคุมต้นทุนในการผลิตให้เหมาะสมกับต้นทุน ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบครัวกลาง พร้อมกับการขนส่งและซัพพลายเชนของตัวเอง
ประการที่สองคือ การสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น โดย Mixue ได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ที่มีชื่อว่า Snow King ซึ่งเป็นตุ๊กตาหิมะหน้าตาน่ารัก ที่ออกแบบคาแรกเตอร์ ให้ชอบเต้นรำ ที่มาพร้อมกับเพลงโฆษณาฮิตติดหู อย่างเพลง ( 蜜雪冰城主题曲MV 中英双语版) MIXUE IceCream&Tea Theme Song MV English-Chinese Bilingual มีผู้ชมมากกว่า 1.7 หมื่นล้านครั้งบน Douyin จนทำให้ติดตลาดจีนอย่างถล่มทลาย
หลังจากที่แบรนด์ Mixue ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วทั่วประเทศจีนแล้ว ในปี 2018 ทำให้เขาตัดสินใจพาแบรนด์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟสัญชาติจีนแห่งนี้ออกสู่ตลาดโลก โดยประเทศแรกที่ Mixue ได้เข้าไปปักธงคือ เวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับจีน จากนั้นจึงขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ กว่า 11 ประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และไทย เป็นต้น ปัจจุบัน MIXUE มีสาขามากกว่า 25,000 แห่ง โดย 3,000 สาขาอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมแฟรนไชส์ร้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ในเวลานี้ถือว่า Mixue เป็นแฟรนไชส์ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีจำนวนสาขามากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก
ทำให้เวลานี้ถือว่าเป็นร้านไอศกรีมเจ้าแรกที่มีสาขามากสุดในโลก นอกจากนี้ช่วงกลางปี 2023 ทาง bloomberg รายงานว่า Mixue อยู่ระหว่างยื่นขอเข้าจดทะเบียนในตลาด A-share ของจีน และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดย มูลค่าบริษัทของ Mixue อาจอยู่ที่ประมาณ 330,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ประกอบการของ Mixue
จากข้อมูลของ tap-magazine ที่ได้เปิดเผยว่า Mixue (มี่เสวี่ย) เคยมาทำตลาดในไทยตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่มาในนามบริษัทลูกชื่อ “บริษัท มี่เสวี่ย (ประเทศไทย) จำกัด โดยลงทุนเปิดสาขาแรกที่ แถวซอยรามคำแหง 53 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยจะเน้นขยายสาขาตามทำเลมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อ สร้างการรับรู้แบรนด์ในหมู่วัยรุ่นนักศึกษา จนมาสร้างกระแสโด่งดังในไทยก็ตอน เปิดตัวสาขาที่ สยามสแควร์
โดย MIXUE เลือกใช้ กลยุทธ์ ขยายแฟรนไชส์ แบบเน้นไปที่ ราคาสุดคุ้มค่า โดย ไอศกรีม Soft Serve โคนวาฟเฟิลอันใหญ่ เริ่มต้นแค่ 15 บาท น้ำเลมอน แก้วใหญ่มาก ราคาแค่ 20 บาท ด้าน ชานมไข่มุกแก้วละ 40 บาท เท่านั้น
โดยแผนการของ MIXUE จะมุ่งขยายธุรกิจในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางก่อน แล้วค่อยขยายไปยังต่างจังหวัด โดยตั้งเป้าจะขยายแฟรนไชส์ในไทย 2,000 สาขาภายใน 3 ปี ปัจจุบัน แฟรนไชส์ Mixue มีมากกว่า 135 สาขา
อ้างอิงข้อมูลจาก เว็บไซต์ MXBC,bloomberg,tap-magazine,economist.com,FBMIXUE Thailand ,en.m.wikipedia