ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจจากปัจจัยต่างๆ ทั้ง ปัญหาเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก แต่บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ยังคงโชว์ฟอร์มแกร่ง รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% โดยเป็นกำไรปกติ 609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% โดยเป็นกำไรปกติ 609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%
การเติบโตของผลประกอบการในไตรมาสนี้ เป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงาน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์จากการขยายตัวของธุรกิจ e-commerce และธุรกิจ e-fulfillment
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินให้กับบริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด หนึ่งในกลุ่มยานยนต์ชั้นนำ 4 กลุ่มของจีน จำนวน 250 ไร่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2566 พร้อมยืนหนึ่งติดอันดับหุ้นยั่งยืน 4 ปีซ้อน ด้วย SET ESG Ratings ประจำปี 2566 สูงสุดที่ระดับ “AAA”
ผลประกอบการย้อนหลัง บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 4 ปี
นางสาวจรีพร กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือน ในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ตามลำดับ
การจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และแข็งแกร่ง ของ 4 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ ทั้งในประเทศ และเวียดนาม และแสดงถึงการมีศักยภาพในการบริหารทางการเงินที่ดี ส่งผลให้บริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ รวมถึงความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนทั้งจากตลาดทุน และสถาบันการเงิน อาทิ การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
และจากความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน ครั้งที่ 2/2566 มูลค่าเสนอขายรวม 1,000 ล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา สามารถตอบโจทย์ความสำเร็จจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่อย่างมาก เพราะเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ สอดคล้องกับพันธกิจ “WHA: WE SHAPE THE FUTURE” ที่มุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อประเทศโดยรวม โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปชำระคืนหนี้เดิม และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ
กองทรัสต์ WHARTเดินหน้าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยประกาศเพิ่มทุนครั้งที่ 8 มูลค่า 3,566.49 ล้านบาท เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ประกอบด้วยคลังสินค้าและโรงงาน 3 โครงการ ในพื้นที่ยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ของประเทศไทย ได้แก่
การลงทุนในครั้งนี้ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของ กองทรัสต์ WHART เพิ่มขึ้นเป็น 55,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าทรัพย์สินที่เข้าลงทุนครั้งนี้จะสามารถสร้างโอกาสและผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้กับผู้ถือหน่วยกองทรัสต์
สำหรับราคาเสนอขายหุ้นทรัสต์เพิ่มทุนของ WHART อยู่ที่ 9.60 บาทต่อหน่วย โดยผู้ถือหุ้นทรัสต์เดิมมีสิทธิจองซื้อก่อนประชาชนทั่วไปในวันที่ 1, 4 และระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2566 ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 13-15 และวันที่ 18 ธันวาคม 2566
WHART ยังคงตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ราว 3,000-5,000 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตรต่อปี เพื่อขยายฐานทรัพย์สินและเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ โดยปัจจุบันมีสินทรัพย์ฟรีโฮล 52% เป็นสัดส่วนหลัก ซึ่งช่วยสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ และอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 90% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกองทรัสต์