อินไซต์เศรษฐกิจ

คนไทยว่างงานแตะ 4.1 แสนคน เด็กจบใหม่ที่ยังคงเผชิญกับอัตราการว่างงานสูง

21 พ.ค. 67
คนไทยว่างงานแตะ 4.1 แสนคน เด็กจบใหม่ที่ยังคงเผชิญกับอัตราการว่างงานสูง

ยุคนี้ปริญญาตรีไม่ได้การันตีความสำเร็จในชีวิตอีกต่อไป! ค่าเทอมที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี แต่โอกาสในการได้งานกลับลดลง แถมเงินเดือนที่ได้ยังไม่คุ้มกับค่าเทอมที่ลงทุนไป แล้วแบบนี้...เรียนไปเพื่ออะไร สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผย กลุ่มบัณฑิตจบใหม่ที่ยังคงเผชิญกับอัตราการว่างงานสูงถึง 1.67% ซึ่งสะท้อนถึงความไม่สมดุลระหว่างทักษะของบัณฑิตกับความต้องการของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ สาเหตุหลักของการว่างงานยังคงเป็นการลาออกด้วยความสมัครใจ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ เช่น สภาพการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย หรือโอกาสก้าวหน้าที่จำกัด

คนไทยว่างงานแตะ 4.1 แสนคน เด็กจบใหม่ที่ยังคงเผชิญกับอัตราการว่างงานสูง

987018

ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) รายงานสถานการณ์ตลาดแรงงานไทยไตรมาสแรกปี 2567 พบสัญญาณเชิงบวก อัตราการว่างงานลดลงเหลือเพียง 1% คิดเป็นจำนวนผู้ว่างงานประมาณ 4.1 แสนคน ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

916155

สำหรับปัญหาการว่างงานระยะยาวหรือผู้ที่ว่างงานมากกว่าที่เกิน 1 ปีขึ้นไป ก็มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เวลานี้ลดลง 4.9% โดยมีจำนวนผู้ว่างงานระยะยาวประมาณ 7.9 หมื่นคนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า กลุ่มบัณฑิตจบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีอัตราการว่างงานสูงที่สุดถึง 1.67% ซึ่งสะท้อนถึงความไม่สมดุลระหว่างทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการกับทักษะที่บัณฑิตมีอยู่ ตัวอย่างเช่น ตลาดอาจมีความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี หรือผู้มีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ ในขณะที่บัณฑิตส่วนใหญ่อาจสำเร็จการศึกษาในสาขาที่ล้นตลาด 

อัตราการว่างงาน (%)

ระดับการศึกษา
อัตราการว่างงาน (%)
อุดมศึกษา 1.67
มัธยมปลาย 1.28
มัธยมต้น 1.12
ประถมศึกษา 0.58
การศึกษาอื่นๆ 0.47
ไม่มีการศึกษา 0.32
ต่ำกว่าระดับประถม 0.13
ไม่ทราบระดับการศึกษา 0.04

 

เด็กจบใหม่ ทักษะไม่ตรงกับความต้องการตลาด หรือปัญหาเชิงโครงสร้าง?

คนไทยว่างงานแตะ 4.1 แสนคน เด็กจบใหม่ที่ยังคงเผชิญกับอัตราการว่างงานสูง

ปัญหาการว่างงานในกลุ่มบัณฑิตจบใหม่เป็นประเด็นที่ซับซ้อนและมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบ ทั้งในด้านทักษะที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด และปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานเอง โดยวิเคราะห์และแยกเป็นประเด็นได้ดังนี้

ปัญหาทักษะไม่ตรงกับความต้องการตลาด

  • การศึกษาที่ไม่สอดคล้อง หลักสูตรการศึกษาอาจไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน ทำให้บัณฑิตขาดทักษะที่จำเป็นในปัจจุบัน เช่น ทักษะด้านเทคโนโลยี หรือทักษะด้านภาษาต่างประเทศ
  • การขาดประสบการณ์ บัณฑิตจบใหม่มักขาดประสบการณ์ทำงานจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่นายจ้างหลายรายให้ความสำคัญ
  • การเลือกสาขาที่ล้นตลาด บัณฑิตจำนวนมากจบจากสาขาที่มีการแข่งขันสูง ทำให้โอกาสในการได้งานทำน้อยลง

ปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงาน

  • สภาพการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย เด็กจบใหม่อาจมองสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ดี ค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม หรือชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป อาจทำให้บัณฑิตจบใหม่เลือกที่จะลาออกและหางานใหม่
  • โอกาสก้าวหน้าที่จำกัด การขาดโอกาสในการพัฒนาตนเองและเติบโตในหน้าที่การงาน อาจทำให้บัณฑิตจบใหม่รู้สึกท้อแท้และมองหางานใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากกว่า
  • ความไม่มั่นคงในการจ้างงาน สัญญาจ้างงานระยะสั้นหรือการจ้างงานแบบไม่เป็นทางการ อาจทำให้บัณฑิตจบใหม่รู้สึกไม่มั่นคงและมองหางานประจำที่มีความมั่นคงมากกว่า

ปัญหาการว่างงานในกลุ่มบัณฑิตจบใหม่เป็นผลมาจากทั้งปัจจัยด้านทักษะที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด และปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงาน การแก้ไขปัญหานี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน

สาเหตุหลักของการว่างงานในตลาดแรงงานไทยไตรมาสแรกปี 2567

คนไทยว่างงานแตะ 4.1 แสนคน เด็กจบใหม่ที่ยังคงเผชิญกับอัตราการว่างงานสูง

นอกจากนี้ สาเหตุหลักของการว่างงานยังคงเป็นการลาออกจากงานด้วยตนเอง คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 59.25% รองลงมาคือ เลิก/หยุด/ปิดกิจการ 16.16 % หมดสัญญาจ้างงาน 13.15 % ถูกให้ออก/ไล่ออก/ปลดออก 5.47 % และอื่น ๆ 4.71 % ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงาน เช่น สภาพการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย ค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม หรือโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่จำกัด

เหตุผลที่ออกจากงาน หรือหยุดทำงาน สัดส่วน (%)
ลาออก 59.25
เลิก/หยุด/ปิดกิจการ 16.16
หมดสัญญาจ้างงาน 13.15
ถูกให้ออก/ไล่ออก/ปลดออก 5.47
อื่นๆ 4.71

 

ภาพรวมตลาดแรงงานไทยในไตรมาสแรกของปี 2561

512507

ภาพรวมทรงตัว แต่ภัยแล้งและปัญหาเชิงโครงสร้างยังน่ากังวล สถานการณ์ตลาดแรงงานไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีประชากรวัยแรงงานราว 59.1 ล้านคน กำลังแรงงาน 40.2 ล้านคน และมีผู้มีงานทำทั้งสิ้น 39.6 ล้านคน แม้ตัวเลขเหล่านี้จะค่อนข้างคงที่  แบ่งเป็น 

  • ภาคเกษตรกรรม: จำนวนผู้มีงานทำลดลง 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เหลือ 10.93 ล้านคน
  • นอกภาคเกษตรกรรม: จำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 28.65 ล้านคน
  • กลุ่มธุรกิจที่พักแรมและบริการด้านอาหาร: จำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 10.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 3.44 ล้านคน

แต่ก็มีประเด็นที่น่ากังวลซ่อนอยู่ ภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผลผลิตและการจ้างงานลดลง เกษตรกรจำนวนมากต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำมาหากิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังไตรมาสต่อไป

499026

ประเด็นที่น่าจับตาในตลาดแรงงานไทยไตรมาสแรกปี 2567 คือจำนวน "ผู้เสมือนว่างงาน" หรือผู้ที่ทำงานน้อยกว่าชั่วโมงมาตรฐาน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3.9 แสนคน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนรวมกว่า 3.7 ล้านคน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจซ่อนอยู่ภายใต้ภาพรวมตลาดแรงงานที่ดูเหมือนจะทรงตัว
 
122435

นอกจากภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมแล้ว การเพิ่มขึ้นของผู้เสมือนว่างงานยังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นคงและความเปราะบางของตลาดแรงงานไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้มีงานทำต่ำกว่าระดับ ซึ่งอาจต้องเผชิญกับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมและสภาพการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย

แม้ภาพรวมตลาดแรงงานไทยจะยังคงทรงตัว แต่ปัญหาภัยแล้งและปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังคงอยู่ อาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยในระยะยาว

สำนักงานสถิติแห่งชาติจะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด และรายงานข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการจ้างงานที่ยั่งยืนต่อไป

 ที่มา สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) และ FB สำนักงานสถิติแห่งชาติ

advertisement

SPOTLIGHT