ไม่อ่อม ไม่พัก โลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่ม 0.8% ในปี 2024
ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ชาวโลกสนใจวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และข้อตกลงระหว่างประเทศมากมายหลายฉบับ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (green house gases) กลับทะยานขึ้นสูงถึง 41,600 ล้านตันในปี 2024 จาก 37,4000 ล้านตันในปี 2023 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผย 3 สาเหตุหลักการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีที่ผ่านมาและอีก 1 ความเสี่ยงของปี 2024
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก๊าซธรรมชาติ-ปิโตเลียม
เชื้อเพลิงฟอสซิล และน้ำมันปิโตรเลียมเป็นสาเหตุหลักของการปล่อย CO₂ ปี 2024 โลกของเราปล่อย CO₂ หรือคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 37,400 ล้านตัน มากกว่าปีก่อน 0.8% แม้จะถือว่าการขยายตัวของการปล่อย CO₂ ในทศวรรษนี้ลดลงกว่าทศวรรษก่อน แต่การใช้ก๊าซธรรมชาติกลับเพิ่มมากขึ้นถึง 2.4% และการใช้น้ำมันปิโตเลียมที่เพิ่มขึ้น 0.9%
โดย 6 ตัวการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเนื่องมาจากสาเหตุการใช้ก๊าซธรรมชาติและปิโตเลียมคือ จีน (32%), สหรัฐฯ (13%), อินเดีย (8%), สหภาพยุโรป (7%), การบินและการเดินเรือระหว่างประเทศ (3%), และ อื่นๆ ทั่วโลก (1.1%) จากข้อมูลดังกล่าวสหรัฐฯ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการใช้ก๊าซธรรมชาติและปิโตเลียมลดลง 3.8% และการบินและการเดินเรือระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 7.8%
การใช้ประโยชน์จากที่ดิน
การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดิน (Land-Use Emission) ยังคงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ปี 2024 มีการปล่อยคาร์บอนอยู่ที่ 4,200 ล้านตันเพิ่มขึ้น 0.5 พันล้านตันจากปีก่อนหน้า
3 ประเทศหลักที่เป็นผู้นำปล่อยก๊าซคาร์บอนคือบราซิล อินโดนีเซีย และคองโก สาเหตุหลักคือการตัดไม้เพื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่นเพื่อการทำปศุสัตว์ ปลูกถั่วเหลือง ปลูกปาล์มน้ำมัน
แต่หากเทียบกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การปล่อยคาร์บอนจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดิน นับว่าลดลงมากถึง 20% อันเป็นผลมาจากการควบคุมการตัดไม้ผิดกฎหมาย นโยบายการอนุรักษ์ป่า และการปลูกป่าทดแทน อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเนื่องจากการประชุม COP30 ที่จะจัดปลายปีนี้น่าจะผลักดันการลดการปล่อย CO₂ จาก Land-Use Emission เนื่องจากบราซิลที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนจากสาเหตุดังกล่าวมากที่สุดและได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดประเทศหนึ่ง จะเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดงาน
CO₂ ในบรรยากาศเข้มข้นขึ้น เพราะการดูดกลับแย่ลง
ปรากฎการณ์เอลนีโญ (El Niño) เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มีก๊าซคาร์บอนหลงเหลือในอากาศสูง เนื่องจากปรากฎการณ์นี้เป็นต้นตอของการเกิดไฟป่ารุนแรงในอเมริกาใต้และแคนาดา และการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของดินและมหาสมุทรทำให้การดูดซับ CO₂ เกิดขึ้นได้น้อยลง
ในปี 2024 มีความเข้มข้นของ CO₂ ในบรรยากาศอยู่ที่ 424.6 ส่วนในล้านส่วน (ppm) เพิ่มขึ้น 3.5 ppm จากปี 2023
แนวโน้มในอนาคต
สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีท่าทีไม่สนับสนุนกิจกรรมเพื่อลดวิกฤตสภาวะโลกรวนอย่างเห็นได้ชัด อย่างการถอนตัวจากความตกลงปารีส Net Zero Banking Alliance และกองทุนอื่นๆ ที่สนับสนุนประเทศยกจนต่อสู้กับวิกฤตโลกรวน แนวทางดังกล่าวจึงมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อการปล่อย CO₂ ของโลกให้สูงยิ่งขึ้น
เพื่อลดผลจากวิกฤตภาวะโลกรวน อัตราการปล่อยก๊าซ CO₂ ต้องลดลงเฉลี่ยปีละ 3.9% ต่อปีจนถึงปี 2050 เพื่อบรรลุ Net Zero โดยปัจจุบันมีมาตรการมากมายระหว่างประเทศที่พยายามลดผลกระทบดังกล่าว
อ้างอิง: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
