บีบีซีรายงานเหตุการณ์ที่ครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนแสดงความโกรธแค้นอย่างหนัก ขณะที่รวมตัวรอการแถลงของสายการบินเจจูแอร์ ที่สนามบินนานาชาติมูอัน ในเกาหลีใต้ เกี่ยวกับขั้นตอนการรับร่างผู้เสียชีวิตคืนสู่ครอบครัว เนื่องจากไม่พอใจที่รู้สึกว่าการทำงานล่าช้า แม้อุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นเวลา 2 วันแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นร่างของคนที่รัก จนถึงขณะนี้ มีร่างที่พร้อมส่งคืนให้ญาติเพียง 28 รายเท่านั้น
ด้านพลตำรวจเอกนา วอนโอ ชี้แจงท่ามกลางเสียงตะโกนโกรธแค้นว่า ความล่าช้านี้เป็นผลมาจากเจ้าหน้าที่ใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการระบุตัวตนของเหยื่อทั้ง 179 ราย ซึ่งร่างกายของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักจากอุบัติเหตุดังกล่าว ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมปาร์ค ซังอู ประกาศว่าเจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวตนได้อย่างแน่ชัดแล้ว 174 ราย ขาดอีกเพียง 5 รายสุดท้ายที่ร่างได้รับความเสียหายเกินกว่าจะสามารถระบุตัวตนได้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกินวันที่ 6 มกราคมนี้
นอกจากนี้ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า แม้เจ้าหน้าที่จะสามารถบุตัวตนของร่างส่วนใหญ่ได้แล้ว แต่ความล่าช้าของการทำงานเกิดจากความพยายามในการรวบรวมร่างของผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีชิ้นส่วนมนุษย์กว่า 600 ชิ้นในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุเครื่องบิน ทำให้ญาติของเหยื่ออุบัติเหตุรายหนึ่งลุกขึ้นตะโกนด้วยอารมณ์รุนแรง ตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ว่า “คุณสัญญาได้ไหมล่ะ ว่าร่างของพวกจะกลับมาเหมือนเดิม” ขณะที่ครอบครัวของเหยื่อบางส่วนเสนอให้ส่งคืนร่างเหยื่อในสภาพเดิมที่เป็นอยู่
รายละเอียดอันน่าหดหู่เหล่านี้ ทำให้สมาชิกครอบครัวของเหยื่อบางส่วนถึงกับหลั่งน้ำตา และหลายคนตกอยู่ในความเงียบงันและเหนื่อยล้า ด้านรักษาการประธานาธิบดีชเว ซังม็อก เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเปิดเผยผลการตรวจสอบให้ครอบครัวผู้สูญเสียทราบโดยเร็ว และได้สั่งให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยฉุกเฉินของสายการบินทั้งหมดของประเทศ
เครื่องบินรุ่นโบอิ้ง B737-800 ที่เชื่อว่าประสบปัญหาระบบล้อขัดข้องขณะพยายามลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 ธันวาคม 2024)
กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ ระบุว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ส่งทีมสอบสวนจากสำนักงานการบินแห่งชาติ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญ 2 คนจากคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติ (NTSB) ของสหรัฐอเมริกา และตัวแทน 2 คนจากบริษัทโบอิง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารลำที่เกิดอุบัติเหตุเข้าร่วมตรวจสอบซากเครื่องบินด้วย
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานจากภาคสนามว่า ทีมสอบสวนของสหรัฐฯ ใช้เวลาตรวจสอบ “กำแพงคอนกรีต” และ “เสาระบุตำแหน่ง” (Localizer) นานเป็นพิเศษ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า และพบว่าหนึ่งในกล่องดำได้รับความเสียหายจากภายนอก ส่วนกล่องดำอีกกล่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน มีรายงานว่าอยู่ในสภาพดี
ขณะนี้ เกาหลีใต้ยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะซ่อมแซมและวิเคราะห์ข้อมูลจากกล่องดำที่ได้รับความเสียหายเอง หรือจะส่งอุปกรณ์ดังกล่าวไปให้คณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐ เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม