ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขายินดีให้ อีลอน มัสก์ คู่ซี้มหาเศรษฐี หรือ แลร์รี เอลลิสัน ประธานบริษัทออราเคิล (Oracle) เข้าซื้อกิจการ โดยนักข่าวได้สอบถามประเด็นการซื้อกิจการ TikTok ว่ามีโอกาสที่อีลอน มัสก์จะซื้อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนี้หรือไม่ ทรัมป์ตอบสั้น ๆ ว่า “ ถ้าอีลอน มัสก์อยากซื้อ เขาก็จะซื้อ” และทรัมป์ยังได้เพิ่มเติมว่าเขาอยากให้ แลร์รี เอลลิสัน ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ Oracle ซื้อ TikTok ด้วยเช่นกัน
TikTok ซึ่งเป็นของบริษัท ByteDance ของจีน กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่จอดำไปสั้น ๆ ไม่ถึง 24 ชั่วโมง จากคำสั่งแบนโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนเมษายน ปี 2024 เนื่องด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง และความเสี่ยงที่ข้อมูลของผู้ใช้งานชาวอเมริกันจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ขายกิจการในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 มกราคม แต่หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นสู่ตำแหน่งฯ อย่างเป็นทางการ ก็ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษขยายเวลาให้ Tiktok ใช้งานได้ตามปกติไปอีก 75 วัน
รอยเตอร์สรายงานว่า มีผู้ใช้งาน Tiktok ในสหรัฐอเมริการาว 170 ล้านคน นักวิเคราะห์ประเมินมูลค่าธุรกิจของ TikTok ในสหรัฐฯ ไว้ที่ราว 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท มูลค่ามหาศาลในปัจจุบัน อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทรัมปเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับกิจการ TikTok นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งครั้งแรก ในปี 2020 ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อแบนแอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งศาลรัฐบาลกลางมองว่าความพยายามของเขาเป็นการตัดสินใจโดยพลการและเอาแต่ใจ
แต่ในช่วงก่อนชนะเลือกตั้งและขึ้นรับตำแหน่ง ทรัมป์พูดถึง TikTok ในแง่ดีมากขึ้น หลังจากที่ ได้พบกับเจฟฟ์ แยส ผู้บริจาคเงินรายใหญ่จากพรรครีพับลิกันในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของ ByteDance และยังถือหุ้นใน Truth Socialซึ่งเป็นแอปโซเชียลมีเดียของทรัมป์
ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้เข้าพบกับเจ้าของรายใหญ่ของ TikTok ดังนั้น สิ่งที่เขาคิดจะบอกใครสักคนก็คือ ให้มหาเศรษฐีอเมริกันซื้อมันซะ แล้วแบ่งครึ่งหนึ่งให้แก่สหรัฐอเมริกา แล้วรัฐบาลจะให้ใบอนุญาตในการดำเนินกิจการในดินแดนแห่งนี้ นอกจากนี้ ByteDance บริษัทจากจีนจะมีพันธมิตรขั้นสูงสุด และคุ้มค่ามากที่จะแลกกับผลประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคต
ส่วนการที่เปิดทางให้ อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นซีอีโอของ Tesla, SpaceX และเจ้าของแอปโซเชียลมีเดีย X ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากมัสก์เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ของทรัมป์ในแคมเปญหาเสียง ประเมินกันว่ามัสก์ได้ลงเงินสนับสนุนสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 8,500 ล้านบาท และแน่นอนว่ามัสก์ต้องอยู่ในตำแหน่งที่จะมีอิทธิพลอย่างมากในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ซึ่งทรัมป์เคยประกาศจะให้มัสก์รับตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE มุ่งเน้นในการรื้อระบบราชการของรัฐบาล หากมัสก์ได้ Tiktok มาครอง ก็ถือดีลแบ่งครึ่งให้รัฐบาลอาจคุยกันง่ายขึ้น
ขณะที่แลร์รี เอลลิสัน มหาเศรษฐีเจ้าของ Oracle เป็นผู้สนับสนุนทรัมป์มาอย่างยาวนาน ถึงกับเคยเรียกทรัมป์ว่า “ซีอีโอของทุกสิ่ง” แถม Oracle เองก็เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของ TikTok ในสหรัฐอเมริกาด้วย เอลลิสันจะเป็นอีกคนที่มีบทบาทในรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งในระหว่างการเปิดตัว Stargate หนึ่งในโครงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์มูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทรัมป์ได้เรียกเอลลิสันมาร่วมแถลงด้วยในครั้งนี้ ในฐานะซีอีโอคนสำคัญที่จะร่วมลงทุนและร่วมพัฒนาในเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ByteDance ยังไม่ได้ระบุว่าจะขาย TikTok หรือไม่ แต่มีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้พิจารณา แผนที่จะให้อีลอน มัสก์เข้าซื้อกิจการด้วย แต่มัสก์ไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นทันที ตัวแทนของ Oracle และ TikTok ก็ไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ เช่นกัน
แท้จริงแล้ว สื่อสหรัฐฯ รายงานเกี่ยวกับผู้ซื้อที่มีศักยภาพอย่างน้อย 2 ราย ได้แก่ แฟรงก์ แมคคอร์ท และเควิน โอ แลรี สองมหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังซึ่งเคยนั่งเก้าอี้กูรูในรายการ “Shark Tank” รวมทั้งบริษัทเซิร์จเอนจิ้นระบบ AI อย่าง PerplexityAI ได้ยื่นข้อเสนอที่จะซื้อ Tiktok อย่างเป็นทางการ และมีรายงานว่ามีผู้ซื้อรายอื่น ๆ แสดงความสนใจใน TikTok ด้วย
กลุ่มผู้ซื้อของแมคคอร์ดกล่าวว่าจะซื้อสินทรัพย์ของ TikTok ในสหรัฐฯ โดยไม่ต้องใช้อัลกอริทึมและสร้างแอปขึ้นมาใหม่ แต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น Meta และ YouTube พยายามเลียนแบบอัลกอริทึมยอดนิยมของ TikTok มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยแมคคอร์ดเปิดเผยกับ CNN ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารของ ByteDance ยอมรับว่าได้รับข้อเสนอแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6.7 แสนล้านบาท ขณะที่ โอ แลรี กล่าวกับ CNN ว่าเขาได้พบกับทรัมป์ที่รีสอร์ทมาร์อลาโกของทรัมป์ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของแอปพลิเคชัน