นับจนถึงขณะนี้ รัฐต่างๆในสหรัฐฯเลือกตั้งเสร็จกันเกินครึ่งแล้ว และในเวลา 11 โมงเช้าตามเวลาในประเทศไทย แคลิฟอร์เนีย ไอดาโฮ ออเรกอนและวอชิงตันก็จะปิดหีบเช่นกัน
รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของสหรัฐฯ และคาดว่า น่าจะตกเป็นของแฮร์ริส เนื่องจากแคลิฟอร์เนียเป็นฐานเสียงของเดโมแครตมาตลอดตั้งแต่ปี 1992 – 2020 ส่วนในรัฐออเรกอนและวอชิงตันก็เช่นกัน น่าจะตกเป็นของแฮร์ริส ขณะที่ไอดาโฮน่าจะเป็นของทรัมป์
และในเวลา 12 นาฬิกาตามเวลาในประเทศไทย หน่วยเลือกตั้งที่ฮาวายและแอลาสกาจะปิด ถือเป็นรัฐสุดท้ายของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ทรัมป์น่าจะชนะในรัฐแอลาสกา ส่วนแฮร์ริสน่าจะได้รับชัยชนะในฮาวาย
เอ็กซิตโพลรอบแรกเพิ่งได้รับการเปิดเผยออกมา โดยมีการตั้งคำถามว่า อะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้ลงคะแนนให้คนนั้นๆ ซึ่งคำตอบก็คือ ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการลงคะแนนให้คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี 35 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาอันดับสองคือ เศรษฐกิจ 31 เปอร์เซ็นต์ และตามมาด้วยการทำแท้งกับปัญหาผู้อพยพ อย่างไรก็ตาม เอ็กซิตโพลในปีนี้มีความแตกต่างจากการเลือกตั้งนับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งทุกครั้ง ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยหลักที่ประชาชนจะใช้พิจารณาในการจะตัดสินใจเลือกใคร
ที่รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐสวิงสเตทที่สำคัญ พบว่าเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปปิดหน่วยเลือกตั้งสองแห่งในเขตฟูลตัน หลังเกรงว่าจะมีการวางระเบิดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยว่า การปิดหน่วยเลือกตั้งก่อให้เกิดความวุ่นวายเล็กเล็กเท่านั้น และหน่วยเลือกตั้งได้กลับมาเปิดอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่าปลอดภัยดี ก่อนที่ประชาชนจะสามารถลงคะแนนต่อได้
ด้านสมาชิกพรรครีพับลิกันประจำรัฐจอร์เจียก็ออกมากล่าวหาว่า คนที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายนี้ก็คือรัสเซีย อย่างไรก็ตาม สถานทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตันดีซียังไม่ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว
ที่มา Reuters , Aljazeera