ความขัดแย้งหายไป! เพื่อไทย สู่ขอ ปชป.ร่วมรัฐบาลเป็นทางการแล้ว

28 ส.ค. 67

ความขัดแย้งหายไป! หลัง เพื่อไทย สู่ขอ ปชป.ร่วมรัฐบาล เชื่อผู้บริหารรุ่นใหม่ ทำงานร่วมกันได้ "สรวงศ์" ปัดแผนปิดสวิตช์ 3 ป.

28 ส.ค. 67 ภายหลังจากที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยได้หารือกับนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ที่อาคารรัฐสภา เพื่อเทียบเชิญเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี หลังเมื่อวานนี้ (27ส.ค.67) ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีมติไม่ให้พรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาล

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. นายสรวงศ์ พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนเพื่อส่งหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ

1724829273344

โดยนายสรวงศ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27ส.ค.67) ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เมื่อคืนหลังมติพรรคเพื่อไทยไม่ให้พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมรัฐบาล จึงได้ประสานไปยัง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายเดชอิศม์ เพื่อขอยื่นหนังสือเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ

ส่วนกระแสโควตารัฐมนตรีว่าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ 1 เก้าอี้ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 1 เก้าอี้นั้น นายสรวง กล่าวว่าไม่ทราบเรื่องนี้เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณาแต่งตั้งจึงขอไม่ก้าวล่วง

ส่วนข้อกังวลเรื่องอุดมการของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยจะไปด้วยกันได้หรือไม่นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่ าเรื่องในอดีตคือเรื่องในอดีต ปัจจุบันมั่นใจว่าสภาผู้แทนราษฎรมีจุดหมายเดียวกันคือทำให้ประชาช นและประเทศชาติไปในทางที่ดี ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ประชุมสส. พรรคเพื่อไทยได้มีการพูดคุยกัน โดยใช้คำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์ เป็นที่ตั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาแล้วประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ซึ่งทั้งสองพรรคร่วมต่อสู้กันมานานพอสมควร วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ที่มาดูแลพรรคอุดมการทางการเมืองก็ส่วนอุดมการแนวทางการทำงานเชื่อว่าไปด้วยกันได้

ส่วนที่หลายคนมองว่าทั้ง 2 พรรคหักหลังประชาชน เพราะเคยต่อสู้พาคนไปบาดเจ็บล้มตาย สุดท้ายมาจับมือกัน การนายสรวงษ์ ย้ำว่าอุดมการณ์ทางการเมือง ของทั้ง 2 พรรค อาจจะไม่เหมือนกันเลยในอดีต แต่วันนี้เมื่อคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร อย่างแน่นอนทั้งพรรคและสมาชิกพรรค มีความมุ่งหมายเดียวกันคือทำให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไขมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อะไรที่เป็นความไม่เข้าใจหรือความขัดแย้งกันขอให้ทิ้งไว้ข้างหลัง ซึ่งได้มีการพูดคุยกับคนเสื้อแดง ซึ่งหาก เป็นประโยชน์กับส่วนรวมทุกคนเข้าใจได้ ซึ่งวันนี้ไม่ได้เชิญแค่พรรคประชาธิปัตย์ แต่มีการเทียบเชิญหลายหลายพรรคการเมือง เพื่อทำให้เสียงในสภามั่นคง และร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป

โดยนายสรวงศ์ ยืนยันว่านี่ไม่ใช่แผน ในการขับพรรคพลังประชารัฐพ้นจากรัฐบาล หรือปิดสวิตซ์ 3 ป. แต่หลังจากทำงานร่วมกันมา1 ปีได้เห็นถึงคำอภิปรายของสส.พรรคประชาธิปัตย์ และการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนี้ก็เห็นว่าสามารถทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้ ส่วนจะทำให้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยไม่พอใจหรือไม่นั้นคงต้องรอดูที่ผลงาน

ส่วนกรณีที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรคพลังประชารัฐ บอกว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายสรวง กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็เอาตามที่สบายใจ ยืนยันว่าทุกอย่างขอให้มองที่ผลงาน หลังจากนี้อีก 3 ปี ภายใต้การนำของนางสาวแพทองทาธาร ชินวัตร  แต่ขอโอกาสให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ทำงาน แล้วหากทำผิดทำไม่ดีแล้วค่อยยื่นร้องเรียนเพื่อตรวจสอบ

ส่วนการที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นกกต. ขอให้ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร กรณีลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ เรื่องนี้มีฝ่ายกฎหมายดูอยู่ ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นประเด็น แต่นายเรืองไกร ก็มีสิทธิ์ที่จะไปยื่นร้องได้

ด้านนายเดชอิศม์ ได้ขอบคุณพรรคเพื่อไทย ที่เห็นถึงความสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ในการช่วยกันพัฒนาประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส. ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้(29 ส.ค.67) ซึ่งยอมรับว่าก่อนจะมีการลงมติพรรค ก็มีความเห็นแตกต่างกัน แต่เมื่อมีการลงมติแล้วทุกคนจะต้องปฏิบัติตามมติของพรรค และย้ำว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น มีแต่ความเข้าใจและรักกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20 - 30 ปีที่แล้ว

ส่วนที่หลายคน มองว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรอง นั้น นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคสำรอง เพราะครั้งที่แล้วสส. พรรคประชาธิปัตย์ 16 คน ก็โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคก็ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งเหตุการณ์ในปีที่แล้วกับตอนนี้ก็ไม่เหมือนกันก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปตามการเมือง ไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนเหตุผลที่พรรคพลังประชารัฐออกจากรัฐบาลหรือไม่ออกไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์เลย

ส่วนการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐบาลนั้น นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าให้คุ้มกระทรวงไหนไม่อยากก้าวล่วง แต่ยืนยันว่าส่วนตัวสบายใจที่ได้ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างที่บอกว่ามีความรักและ ให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่เป็นสส.เขตมีการพูดคุยกับฐานเสียงพูดสนับสนุนอยู่ตลอด

พร้อมกันนี้นายเดชอิศม์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนเรื่องรายชื่อผู้ที่จะถูกเสนอให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีการประชุมเพื่อหารือกันก่อน แต่ไม่กังวลเรื่องการสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี หากร้องเรียนกันทุกคนก็คงไม่มีใครเป็นได้ ซึ่งในส่วนของตนเองที่มีข้อมูลว่ามีเรื่องร้องเรียนอยู่ในชั้นของป.ป.ช. จำนวนมากนั้น ก็ไม่รู้สึกกังวล เพราะยังไม่รู้ว่าโดนร้องเรื่องออะไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส