ลุงป้อม ปัดตอบปมขับ กลุ่มธรรมนัสพ้น พปชร. ขณะ ชัยวุฒิ ลั่นจากนี้ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว

6 ก.ย. 67

 

ลุงป้อม ปัดตอบปมขับ กลุ่มธรรมนัสพ้น พปชร. ขณะ ชัยวุฒิ ลั่นจากนี้ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว ด้าน ไพบูลย์ มั่นใจปรับโครงสร้างพรรคอุดปัญหารอยรั่วได้ 

วันที่ 6 ก.ย. 67 ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่สมัยสามัญพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธแสดงความเห็นว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่ย้ำกับสื่อมวลชนว่าเรายึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นลำดับแรก จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ ขึ้นรถกลับทันที 

ขณะที่นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรคครั้งนี้ว่า ไม่ได้ถือเป็นการรีแบรนด์ เพียงแต่ทำให้ชัดเจนในแนวทางการทำงานมากขึ้น ส่วนสมาชิกที่พร้อมสู้ไปกับพรรคก็มีความตั้งใจทำงานทางการเมือง คนที่ไม่อยู่ก็ออกไปแล้ว ซึ่งก็ชัดเจนว่าไม่ได้ทำ ส่วนที่ก่อนหน้านี้พรรคย้ำถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ภาพที่ปรากฏออกมาก็เป็นเรื่องมาโดยตลอดนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมือง มีหลายคนหลายกลุ่มมาอยู่ด้วยกันก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้างแต่ไม่อยากให้มองที่พรรค เพราะพรรคอื่นก็มีปัญหาแบบนี้ อยู่ที่ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งรอบนี้ก็ไม่ได้เกิดจากภายในพรรคอย่างเดียว แต่เกิดจากคนภายนอกเข้ามาครอบงำสั่งการ 

พรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่า คนที่ครอบงำหมายถึงพรรคอื่นใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า จากการจัดตั้งรัฐบาลมีคนภายนอกเข้ามาสั่งการครอบงำในการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความแตกแยก ภาษาการเมืองเขาเรียกว่าดูดไหม “ดูดทำงูเห่า” แบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชายไม่ใช่กระบวนการทางการเมืองแบบตรงไปตรงมา ทำให้เกิดปัญหากับพรรคพลังประชารัฐ แต่มันผ่านไปแล้วขอไม่พูดถึง ขอเดินหน้าทำงานต่อไป 

ส่วนกลุ่ม ร.อ.กธรรมนัสโหวตเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ทั้งที่สังกัดพรรคประชารัฐที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน นายชัยวุฒิ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะมันผ่านไปแล้ว ส่วนเรื่องนี้จะเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้ถูกขับออกจากพรรคหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ถึงจุดนั้น ให้ถึงจุดนั้นค่อยว่ากัน และยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องการขับออกจากพรรค ไม่เป็นไรใจเย็นๆ 

พรรคพลังประชารัฐ

ส่วนท่าทีที่ขึงขังของ พล.อ.ประวิตรในการกล่าวบนเวที เป็นการส่งสัญญาณถึงใครหรือไม่ นายชัยวุฒิ หัวเราะบอกไม่ทราบ ไม่รู้จะตอบยังไง เมื่อถามต่อว่าท่าทีของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส อยากให้พรรคขับออกนั้น นายชัยวุฒิ ย้ำว่าไม่ทราบ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เรื่องของกลุ่ม สส. ที่แยกออกไป รอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะนี้พรรคยังไม่มีท่าทียังมีการพูดคุย ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ไปก่อน ยังถึงเวลาที่ต้องมาแตกหักกัน 

เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการแก้แค้นของนายทักษิณ ชินวัตร ที่มีต่อ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ 

“ต้องไปถามท่านว่าท่านแค้นแค่ไหนผมตอบแทนไม่ได้ แต่การเมืองอย่าไปพูดเรื่องแค้นหรือความโกรธเคืองอะไรครับ ต่างคนต่างมาทำหน้าที่ สถานการณ์การเมืองมันก็เปลี่ยนไปตลอด เห็นไหมในวันนึงเห็นไหม คนที่เหมือนจะไม่ถูกกันก็ยังมารักกันเลย ผลประโยชน์ลงตัวก็ทำงานด้วยกันได้”

พรรคพลังประชารัฐ

ส่วนถ้ามีโอกาสเคลียร์ใจจะสามารถกลับมาร่วมรัฐบาลด้วยกันได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ เมื่อถามว่าการที่ ร.อ.ธรรมนัส ออกจากพรรคเหมือน พล.อ.ประวิตรเสื่อมอำนาจจนเสียการปกครองนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกันรอดูกันเองแล้วกัน แต่ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประวิตรก็ยังเป็น พล.อ.ประวิตรคนเดิม ท่านมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานขับเคลื่อนที่จะทำงานขับเคลื่อนกันต่อไป ใครจะอยู่ใครจะไปเป็นเรื่องของคนภายนอก บังคับเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าอุดมการณ์หลักของพรรคในการทำงานเพื่อประชาชนมีชีวิตอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจทันสมัย ที่สำคัญปกป้องสถาบัน ทำให้บ้านเมืองมั่นคงเป็นแนวทางหลักของพรรคที่จะทำต่อไป 

เมื่อถามอีกว่า มองอย่างไรกับ ที่สื่อตั้งฉายาว่าเป็น ครม.สืบสันดาน นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่รู้มองยังไง สื่อเป็นคนตั้ง พร้อมย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ซึ่งการประชุมพรรคก็แสดงว่าเราพร้อมที่จะทำงาน มีการตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ยืนยันกับสมาชิกพรรคว่าจะทำให้ดีที่สุด ส่วนการตรวจสอบรัฐบาลมีหลายช่องทางอยู่แล้วทั้งในสภาผ่านการอภิปราย ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่การตรวจสอบด้านกฎหมายถ้าใครทำผิดทุจริต เราก็ว่ากันไปตามกระบวนการไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว เพราะไม่ได้อยู่ร่วมกันก็ไม่ต้องเกรงใจกัน ทำได้เต็มที่เลย 

ทั้งนี้นายชัยวุฒิ ออกตัวพร้อมหัวเราะว่าไม่ได้เดือด แค่ทำให้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว เมื่อก่อนเกรงใจกันเพราะอยู่ด้วยกัน ทีนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว ส่วนที่พรรคประชาชนประกาศต้อนรับลุงป้อมร่วมเป็นฝ่ายค้าน นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เมื่อพรรคไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ถือเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เป็นไปตามกติกาของระบอบประชาธิปไตย ส่วนจะทำงานแบบไหนก็ต้องพูดคุยกัน อย่างน้อยการอภิปรายในสภาก็ต้องตกลงเรื่องเวลา ส่วนการลงมติเป็นเรื่องของแต่ละพรรคมีทิศทางอยู่แล้วว่าจะลงมติอย่างไร คงไม่ต้องตามกันทุกเรื่อง 

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคจะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานของเลขาธิการพรรค เดิมมีบทบาทที่จะดูแลผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วประเทศ งานหลักของเลขาธิการพรรคในการดำเนินการสนับสนุนฝ่ายต่างๆ อาจไม่ได้ทำมากพอ ซึ่งหัวหน้าให้นโยบายว่ามีการปรับโครงสร้างวิธีการทำงาน ของเลขาธิการพรรคให้เป็นฝ่ายสนับสนุนรองหัวหน้าพรรคหัวหน้าพรรคทั้ง 8 คน ที่จะทำหน้าที่ดูแลผู้สมัครรองรับเลือกตั้งในแต่ละส่วนตามที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย โดยการปฏิบัติงานขึ้นตรงกับหัวหน้าพรรค 

“เชื่อว่าการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 24 คนจะสร้างความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่นให้กับพรรคประชารัฐที่เจริญก้าวต่อไป” นายไพบูลย์ กล่าว 

นายไพบูลย์ ระบุต่อว่า หลังจากนี้เมื่อกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้าทำหน้าที่จะมีการประชุมกัน และจะกำหนดแนวทางต่าง ให้เป็นไปตามลำดับ และย้ำว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีโครงสร้างที่เข้มแข็ง ประกอบด้วยหัวหน้าพรรค และรองหัวหน้าพรรคมาจากผู้ที่เป็นนักวิชาการด้วยผสมผสานกับ สส. และแกนนำของพรรครวมถึงอดีตรัฐมนตรีหลายคน ขณะเดียวกันกรรมการบริหารพรรคทั้ง 12 คน มีครบทุกส่วนของพรรค ซึ่งพรรคพลังประชารัฐมีความเข้มแข็ง นอกจากนี้ สส. อดีตรัฐมนตรี มีนักวิชาการ ที่มีความรู้เข้าร่วมอยู่ในคณะกรรมการบริหารพรรค โดยการประชุมกรรมการบริหารพรรคต่อไปจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ 

พรรคพลังประชารัฐ

มั่นใจว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะสามารถอุดรอยรั่วได้และทำให้กรรมการบริหารพรรคเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความมั่นคง เพราะทุกพรรคนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการในนามพรรค ถ้าคณะกรรมการบริหารพรรคมีความมั่นคงเป็นหนึ่งเดียวเป็นเอกภาพเชื่อว่าการดำเนินงานต่างๆ จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคณะกรรมการบริหารชุดนี้จะมีบทบาทสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนพรรค 

และแสดงความพร้อมที่จะทำหน้าที่บทบาทฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลก็ยืนยันที่จะทำให้ดีที่สุด หรือเป็นฝ่ายค้านก็จะทำให้ดีที่สุดเช่นเดียวกัน จึงเชื่อมั่นว่าจะก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง ขอให้คอยติดตามหลังจากนี้ ภายใต้การนำของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอนุรักษ์นิยมทันสมัย หรืออุดมการในการปกป้องสถาบันที่มีการย้ำตลอดว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการ 

นายไพบูลย์ กล่าวถึงพรรคพลังประชารัฐที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดยทหาร จะแตกต่างอย่างไรกับพรรคการเมืองที่ตั้งโดยทหารในอดีตที่ที่ผ่านมาจนถูกมองว่าเป็นพรรคชั่วคราวเฉพาะกิจแก้สถานการณ์การเมืองว่า ย้ำหลายครั้งว่า พล.อ.ประวิตร เป็นทหารนอกราชการ การที่ที่มีนายทหารนอกราชการมาร่วมงานในพรรค เป็นสัดส่วนน้อยมาก ดังนั้นไม่ใช่พรรคทหารอย่างที่ว่า ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองที่สมบูรณ์สมบูรณ์แบบ และมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างต่อเนื่องและยืนยาวแน่นอน โดยไม่ใช่หลายฝ่ายที่ปรามาสว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ 

พรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพรรคทหารเฉพาะกิจไม่ได้อยู่ยืนยาว พรรคพลังประชารัฐจะแตกต่างอย่างไร นายไพบูลย์ ระบุว่า ไม่เห็นพรรคพรรคไหนตั้งโดยคนอื่นที่ไม่มียศทหาร ก็ล้มหายตายจากไปเยอะแล้ว แต่ที่รู้ๆ พรรคพลังประชารัฐจะอยู่ต่อไป ก็เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ไป แต่ส่วนตัวเห็นแต่พรรคอื่นที่หายไปเรื่อยๆ แต่พรรคพลังประชารัฐยังคงอยู่ 

ส่วน สส. ที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะประชุม พิจารณาวาระการบริหารงานต่างๆ รวมถึงการบริหารงานในสภาสภาผู้แทนราษฎร ด้วยมี สส.40 คน โดยย้ำว่าการดำเนินการต่อไปของพรรคประชารัฐจะดำเนินโดยคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายพรรคการเมืองและข้อบังคับพรรค โดยปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการขับ สส. ที่โหวตสวนมติพรรคออก เพียงแต่บอกว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดอะไร 

นายไพบูลย์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านหลังจากนี้จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนการตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลเดินหน้าต่อโดยไม่เกรงใจใคร ซึ่งทำงานการเมืองที่ผ่านมาก็เป็นฝ่ายตรวจสอบ ดังนั้นการเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในการทำหน้าที่ตรวจสอบ ออกตัวว่าชอบมากเพราะเป็นงานถนัดตั้งแต่สมัยเป็น สว. และการตรวจสอบเป็นหน้าที่หลักของพรรคพลังประชารัฐไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล

เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน ซึ่งจะเห็นบทบาทการทำหน้าที่ตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น โดยตนเองก็ได้พูดไปหลายครั้งแล้วว่าจะตรวจสอบใคร

พร้อมกับเปิดเผยว่าพลเอกประวิตร มีดำริที่จะเข้าสภาผู้แทนราษฎรในเวลาที่สะดวก แต่เรื่องนี้ให้รอต่อไป 

โดยก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ เคยแถลงเรื่องของการตรวจสอบการทำหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส