"ภูมิธรรม" ฉะ "เรืองไกร" รื้อฟื้นให้เกิดความขัดแย้งในชาติอีกทำไม

8 ก.ย. 67

"ภูมิธรรม" ฉะ "เรืองไกร" ปมยื่นเรื่อง กกต.ตรวจสอบนายกฯ ตั้งนั่ง รมว.กลาโหม เข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ชี้จะรื้อฟื้นให้เกิดความขัดแย้งในชาติอีกทำไม

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เพื่อขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่ากรณีเสนอชื่อนายภูมิธรรม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 8 หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ ว่า เรื่องนี้ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน ยืนยันว่าตนเข้ามาตามกระบวนการอยู่แล้ว ทุกอย่างที่มาก็เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องในอดีตนั้นที่เข้าไปนั้นก็ไม่ได้ฝักใฝ่อะไร แต่เป็นเรื่องการหนีตายและเมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วก็มีการนิรโทษกรรมเรียบร้อย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ทุกคนก็กลับมา

“ก็ไม่เข้าใจว่านายเรืองไกร จะไปรื้อฟื้นให้เกิดความขัดแย้งในชาติอีกทำไม แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไรจากที่นายเรืองไกรไปยื่นเรื่องต่อ กกต. ก็ให้ว่ากันไปตามขั้นตอน”

นายภูมิธรรม กล่าวว่า แต่ก็คิดว่าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งหน้า ก็คงจะต้องเสนอให้มีการเอาผิดกับการร้องที่ไม่เป็นธรรม หรือไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงซึ่งผู้ร้องก็ควรจะต้องชดใช้บ้าง เพราะการร้องแต่ละครั้งผู้ที่ถูกร้องต่างได้รับความเสียหายไปแล้วตรงนี้คงต้องการพิจารณากัน

นายภูมิธรรม กล่าวถึง การแบ่งงานในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนการกำกับดูแลงานของรองนายกฯรัฐมนตรี ขณะนี้ยังต้องรอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ทั้งนี้ในส่วนการกำกับดูแลคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือก.ตร.นั้น ตามกฎหมายใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการกำกับดูแลเฉพาะตัว และหากนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือติดภารกิจก็จะเป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งกฎหมายใหม่นี้แตกต่างจากกฎหมายเดิมที่นายกรัฐมนตรีจะสามารถมอบหมายให้กับรองนายกฯได้

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส