น้ำโขงมาเร็วใกล้ถึงจุดวิกฤต ร้านค้าใต้ถุนพญานาคอพยพด่วน

น้ำโขงมาเร็วใกล้ถึงจุดวิกฤต แตะพื้นฟุตบาทแต่ยังไม่ท่วมตัวเมือง ร้านค้าใต้ถุนพญานาคอพยพด่วน

วันที่ 15 กันยายน 2567 สถานการณ์น้ำโขงเริ่มจ่อจุดล้นตลิ่ง โดยเป็นการร่วมมือระหว่างสถานีอุตุนิยมวิทยานครพนมกับเทศบาลเมืองนครพนม รายงานระดับน้ำแบบเรียลไทม์ ล่าสุดระดับน้ำโขงในเวลาเที่ยงคืนอยู่ที่ 11.28 เมตร โดยเพิ่มขึ้น 7 เซนติเมตรจากช่วงเวลา 20.00 น.(14ก.ย.67) ระดับน้ำอยู่ที่ 11.21 เมตรห่างจากจุดวิกฤตคือ 12 เมตร 79 เซนติเมตร

แต่มวลน้ำจะไม่เอ่อท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองนครพนม ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก เนื่องจากมีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งสูงจากเดิมทำให้ระดับน้ำกับเขตเทศบาลเมืองนครพนมยังห่างกันประมาณ 4-5 เมตร แต่จุดวิกฤตล้นตลิ่ง 12 เมตรเป็นเพียงจุดเตือนเฝ้าระวังพื้นที่ลุ่มต่ำที่เริ่มได้รับผลกระทบ กรณีมีน้ำโขงเอ่อท่วม ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรยังไม่มีพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านได้รับผลกระทบ

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง 4 อำเภอชายแดนติดแม่น้ำโขงได้แก่ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมืองนครพนม และ อ.ธาตุพนม เตรียมพร้อมรับมือวางแผนตรวจสอบระบบระบายน้ำลงโขง และล่าสุดสั่งให้ร้านจำหน่ายสินค้าของฝากที่อยู่ใต้ลานพญานาคหรือเรียกติดปากว่าชั้นใต้ดินอพยพสิ่งของขึ้นที่สูงด่วน เพราะระดับน้ำแตะขอบพื้นฟุตบาทแล้ว

โดยจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งบริเวณลานพนมนาคาให้จำหน่ายสินค้าชั่วคราวไปพลางก่อน รอให้สถานการณ์น้ำทรงตัวจึงค่อยกลับลงไปขายที่เดิม คาดไม่น่าเกิน 7 วันก็เข้าสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ร้านค้าชั้นใต้ดินอยู่ต่ำกว่าระดับวิกฤต จึงเสี่ยงจะถูกน้ำท่วมสูงกว่าที่อื่นหรือร้านอาหารปลาจุ่มบางแห่งของ ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม ได้ตั้งซุ้มอยู่ต่ำกว่าตลิ่งจึงหนีไม่พ้นต้องถูกมวลน้ำเอ่อท่วม

สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบล่าสุดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อำเภอโซนเหนือ อ.นาหว้า อ.นาทม อ.ศรีสงคราม และอ.ท่าอุเทน เพราะเป็นพื้นที่ที่ติดกับลำน้ำสาขาสายหลัก คือลำน้ำอูน ลำน้ำสงครามไม่สามารถไหลระบายลงน้ำโขงได้ ทำให้เอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรมากกว่า 70,000 ไร่ แต่ตัวเลขขึ้นลงยังไม่สรุป อยู่ระหว่างการสำรวจของหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อชดเชยเยียวยาตามระเบียบทางราชการ หากน้ำโขงยังไม่นิ่งคาดจะได้รับผลกระทบขยายมากขึ้น

ทั้งนี้กรณีมีปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดภาคอีสานริมแม่น้ำโขง มีปัจจัยมาจากมวลน้ำทางภาคเหนือของไทยที่ถูกพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นยางิถล่มผนวกกับจีนและลาวปล่อยน้ำออกจากเขื่อนสมทบทำให้จังหวัดอีสานริมโขง

คือ เลย,หนองคาย,บึงกาฬ,นครพนม,มุกดาหาร,อำนาจเจริญและอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำดังกล่าวไม่สามารถไหลระบายลงน้ำโขงได้สะดวก บางจังหวัดน้ำจึงเอ่อท่วมพื้นที่ชุมชนย่านเศรษฐกิจการค้า หน่วยงานต้องเสริมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่รับมือเต็มความสามารถ.