หัวอกพ่อสายร็อกสตาร์ไกลบ้าน ใจหล่นวูบ ! “ตูน บอดี้สแลม” แทบอยากจะร้องไห้ เขียนเล่าเรื่องราว นาทีชีวิตลูกชาย “น้องทะเล” ชักและหมดสติ ขณะที่ตนติดงานคอนเสิร์ตอยู่ที่ประเทศสวีเดน
โดยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 “ตูน บอดี้สแลม” โพสต์ไอจีว่า "ไม่ได้เขียนไดอารี่แบบจริงจังมานาน...แต่วันนี้คิดว่าต้องเขียนอะไรบางอย่างเพื่อเป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งของชีวิต ออกเดินทางจากบ้านที่ภูเก็ตมาเล่นคอนเสิร์ตที่สต็อคโฮม เมื่อหัวค่ำวันที่ 26 กันยายน กว่าจะมาถึงที่สต็อกโฮล์มก็เป็นเช้าวันที่ 27 กันยายน ถึงโรงแรมที่พักก็นอนต่ออีกหน่อยเพราะอ่อนล้าจากการเดินทางไกล มาตื่นอีกทีก็ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ออกไปเดินสำรวจเมืองสต็อกโฮล์มและหาอะไรกินสักหน่อย"
"ระหว่างที่นั่งรอมื้อเย็น...ก็มีสายไลน์คอลจากน้องสันต์ น้องที่ทำงานมูลนิธิก้าวฯที่ลงมาอยู่ที่ภูเก็ตด้วยกัน ที่เรามักจะรบกวนน้องเค้าให้ช่วยดูแลครอบครัวเราเสมอในยามที่ผมต้องเดินทาง น้องเค้าโทรมาบอกว่า ทะเล มีอาการชักและหมดสติไป...ตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาล!!"
"ตอนนั้นจำได้เลยว่าหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม...อยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้...เป็นห่วงลูกที่สุด นาทีนั้นอยากจะจับเครื่องบินไฟล์ทด่วนที่สุดเพื่อกลับบ้านให้ได้"
"หลังจากสายของน้องสันต์ไม่นาน ก็มีสายของพี่ก้อย เพื่อนของเราที่ภูเก็ตที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด...ก็โทรมาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นและตอนนี้อาการทะเลเป็นอย่างไรบ้าง พอได้ยินจากพี่ก้อยว่าตอนนี้ทะเลไปถึงโรงพยาบาลถลางเรียบร้อยและเริ่มรู้สึกตัวแล้ว...ก็ทำให้เริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ในใจก็ยังเป็นห่วงสุดๆ"
"สายสุดท้ายของวันนั้นก็คือได้โทรวิดีโอไลน์คอลกับน้องก้อย และทะเล...ซึ่งภาพที่เห็นตอนนั้นก็คือทะเลได้ย้ายมาโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตแล้ว และสามารถพูดคุยได้และมีสีหน้าที่ดูไม่น่าที่จะต้องเป็นกังวล แต่ใจเราเองก็ยังไม่สบาย...และยังอยากกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด"
"แต่ก็ยังกลับไม่ได้...ในเมื่อพรุ่งนี้ยังต้องขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลงที่สต็อคโฮม ระหว่างนี้ก็ได้แต่หวังใจว่าอาการของทะเลจะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้นมาอีก"
"ตื่นเช้ามาอีกวันก็ไม่รีรอที่จะโทรถามไถ่อาการล่าสุดของทะเล...ซึ่งก็ยังมีไข้สูงและต้องให้ยาฆ่าเชื้อผ่านทางสายน้ำเกลือ...แต่ได้เห็นทะเลเริ่มมีรอยยิ้มได้ก็เบาใจ และคิดว่าพร้อมที่จะขึ้นโชว์ในคืนนี้ที่มีคนตั้งใจมาเชียร์พวกเรากว่า 2 พันคน สุดท้ายโชว์ครั้งแรกของเรา @bodyslamband ที่สต็อคโฮมก็ผ่านพ้นไปด้วยความสุขและรอยยิ้มของทุกคน"
"ตลอดเกือบ 3 ชั่วโมงบนเวที...ไม่ง่ายเลยที่จะทิ้งความกังวลทุกอย่างลงได้หมด...แต่ในใจเราก็หวังเพียงอย่างเดียวว่าจะทำให้ทุกๆคนที่ตั้งใจมาเชียร์เราในคืนนี้ได้มีความสุขที่สุดให้ได้"
"นั่งพิมพ์ข้อความนี้บนเครื่องบินไฟล์ทแรกสุดที่จะเป็นไปได้เพื่อเดินทางกลับไปหาครอบครัว ได้นั่งคิดและเข้าใจตัวเองมากขึ้นจากเหตุการณ์นี้เลยว่า นาทีนี้สิ่งที่สำคัญกับชีวิตมากที่สุดก็คือ ลูกๆ ภรรยาและครอบครัว ไม่ใช่ความสุขส่วนตัวของตัวเองอีกต่อไปที่จะทำให้เรายิ้มได้ หากแต่คือรอยยิ้มของทุกคนในบ้านต่างหาก ที่จะตกกระทบมาให้เราได้มีความสุขจากการที่พวกเขาได้มีความสุข"
"สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณใครบางคนที่ยังเมตตาให้เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกัน ขอบคุณจริงๆ ครับ"
Advertisement