จิราพร รับ สคบ. ถอนใบอนุญาต ดิไอคอน อาจไม่ทันในสัปดาห์นี้

23 ต.ค. 67

 

จิราพร รับ สคบ. ถอนใบอนุญาต ดิไอคอน อาจไม่ทันในสัปดาห์นี้ บอกต้องทำให้รอบคอบ ยันไม่มีธงกลั่นแกล้งใคร ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

วันที่ 23 ต.ค. 67 น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นความคืบหน้าการตรวจสอบบุคคลในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จะสร้างความเชื่อมั่นและกำกับดูแลเรื่องนี้อย่างไรว่า 

ปัญหานี้สะสมมาหลายปี และเพิ่งจะปะทุ จึงทำให้ประชาชนตั้งคำถามการทำงานของสคบ. ตั้งแต่เกิดเรื่องปี 61 มีการมาร้องเรียนที่ สคบ. ซึ่งเมื่อตรวจย้อนกลับไปก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการส่งหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย สคบ. มีข้อกฎหมายที่จำกัดในการตรวจสอบ และจากปี 61 มาถึงปัจจุบันมีการตอบกลับมาแค่บางหน่วยงาน ซึ่งอาจจะดูเพียงแค่ สคบ. ไม่ได้ ต้องดูมิติการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีการเชื่อมโยงกันทั้งการบูรณาการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและการป้องกันระยะยาว 

และอีกส่วนที่ต้องเรียกความเชื่อมั่นคืนคือ คลิปเสียงที่ปรากฏในคลิปสื่อ ซึ่งอยากให้ประชาชนมั่นใจในรัฐบาล เพราะเราเอาจริงในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงจึงเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการที่ไม่ใช่คนใน สคบ. เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งคณะกรรมการคณะนี้ไม่ได้ดูเพียงแค่ข้อเท็จจริง แต่ยังจะหามาตรการและวิธีการในเชิงนโยบายให้คำแนะนำให้ สคบ. ไปดำเนินการต่อ ซึ่งกฎหมายที่ สคบ. ถืออยู่จะล้าหลังหรือล้าสมัยคณะกรรมการนี้จะช่วยให้คำแนะนำ เพื่อแก้ปัญหานี้ด้วย รวมถึงการทำงานจะต้องมีการรื้อครั้งใหญ่ เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น เพื่อให้องค์กรโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตามคนที่ตั้งใจทำงานเป็นข้าราชการน้ำดีก็มีแต่ส่วนไหนที่เป็นปัญหาเราต้องแก้ไขและให้ความเชื่อมั่นกับประชาชน 

ทั้งนี้คณะกรรมการชุดใหญ่ที่ตั้งขึ้นมา ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีกสองชุดซึ่งหนึ่งชุดจะดูการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งจะนำพยานหลักฐานพยานวัตถุและพยานบุคคลมาเชื่อมโยงกัน ซึ่งการประชุมนัดแรกต้องหาข้อมูลองค์ประกอบแวดล้อมทั้งหมด เพื่อรายงานกับคณะกรรมการชุดใหญ่และจะได้กำหนดว่าจะต้องเชิญบุคคลหรือหน่วยงานไหนเข้ามาให้ข้อมูล ส่วนอนุกรรมการอีกคณะหนึ่งจะดูเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ สคบ. ซึ่งเมื่ออนุกรรมการทำงานครบ1 สัปดาห์ก็จะมีการรายงานให้คณะกรรมการชุดใหญ่ได้รับรับทราบ 

เมื่อถามถึงการพิจารณาถอนใบอนุญาตบริษัทดังกล่าว โดยทนายความบอสพอลได้มีการระบุว่า หากมีการถอนจะฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะถือว่ายังให้ข้อมูลไม่แล้วเสร็จนั้น น.ส.จิราพร กล่าวว่า สั่งการ สคบ. ให้ทำงานเร็วที่สุด ซึ่งที่เคยให้ข้อมูลไปว่าอยู่ระหว่างการเชิญบริษัทมาให้ข้อมูล ทั้งตัวบอสดารา แต่ในระหว่างการสอบสวนได้มีการจับกุม และขณะนี้กลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วฉะนั้นเป็นขั้นตอนที่สคบ. ต้องเข้าไปร่วมงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสอบสวนข้อมูลนำมาประกอบการพิจารณาในการเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ยืนยันว่าเราจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย และทำการสอบสวน เพื่อดูแนวทางว่าจะสามารถหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมมาประกอบอย่างไรได้บ้าง 

ส่วนจะสามารถเพิกถอนใบอนุญาตภายในสัปดาห์นี้ได้หรือไม่นั้น ก็อาจจะไม่ทัน เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนตามกฏหมายที่เราต้องทำอย่างรอบคอบ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้เราไม่ได้มีธงที่จะกลั่นแกล้งใคร แต่เราต้องการที่จะทำตามข้อมูลข้อเท็จจริงตามหลักฐาน เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมกับทุกฝ่าย 

ส่วนกรณีคนการเมืองที่ถูกระบุในคลิปเสียง มีสิทธิ์ที่จะเรียกมาชี้แจงหรือไม่ น.ส.จิราพร ระบุว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบมีสิทธิ์เชิญมาชี้แจงได้ทั้งหมด ส่วนจะมีนักการเมืองสามารถสั่งการ สคบ. ได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องรอดูข้อเท็จจริง เพราะคณะกรรมการชุดนี้มีการตั้งขึ้นมา เพื่อหาข้อเท็จจริงในส่วนนี้ให้เกิดความกระจ่าง ส่วนการดำเนินดำเนินการล่าช้าเกินไปหรือไม่นั้น หลังจากที่มีคลิปเสียงปรากฏบนสื่อในวันที่ 10 ต.ค. หลังจากนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการคนนอกขึ้นมาในวันที่ 16 ต.ค. ซึ่งดำเนินไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งถือว่าไม่ได้ล่าช้าและเราพยามทำ อย่างดีที่สุดและทำอย่างรอบคอบ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม